มาตรา๕เมื่อจะยกเลิกกฎอัยการในแห่งใด ต้องเปนไปตามประกาศพระบรมราชโองการ มาตรา๖ในเขตร์ที่ใช้กฎอัยการศึกนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเหมือนกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนในการระงับปราบปรามหรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องช่วยราชการทหารตามความต้องการของฝ่ายทหาร มาตรา๗อำนาจของศาลทหารในตำบลที่ใช้กฎอัยการศึกนั้น ต้องเปนไปตามพระราชกำหนดกฎหมายอาญาทหารทุกประการ แต่ศาลพลเรือนคงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาความอาญาที่ยังตกค้างอยู่ก่อนออกประกาศใช้กฎอัยการศึก และศาลทหารคงมีอำนาจ |
พิจารณาพิพากษาความอาญาที่ยังตกค้างอยู่เมื่อยกเลิกกฎอัยการศึก
มาตรา๘เมื่อใช้กฎอัยการศึกในตำบลใด เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจที่จะทำดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็ได้ ๑)มีอำนาจที่จะเข้าค้นที่หนึ่งที่ใดในเวลาใดได้ ๒)มีอำนาจขับไล่ผู้ใดซึ่งไม่มีภูมิ์ลำเนาอาไศรยเปนหลักถานในตำบลนั้น ๓)มีอำนาจบังคับให้คนในตำบลนั้นส่งอาวุธและกระสุนดินปืนซึ่งมีอยู่ไปยังเจ้าพนักงานฝ่ายทหาร และมีอำนาจตรวจและจับกุมอาวุธ และกระสุนดินปืน และสิ่งของต้องห้ามในการสงคราม ๚ ประกาศมาณวันที่ ๑๐ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ เปนวันที่ ๑๔๒๗๓ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ |
หน้า:กฎอัยการศึก ๑๒๖.pdf/2
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๑๒๖
เล่ม ๒๔ หน้า ๑๐๓๐
ราชกิจจานุเบกษา