ข้อ๓๑ให้มีศาลเปน ๓ ชั้น คือ
๑ศาลบริเวณ
๒ศาลเมือง
๓ศาลแขวง
และให้มีผู้พิพากษาสำหรับศาลเหล่านี้เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีตามพระราชกำหนดกฎหมาย
ข้อ๓๒ให้ใช้พระราชกำหนดกฎหมายทั้งปวงในความอาญาแลความแพ่ง แต่ความแพ่งซึ่งเกี่ยวด้วยสาสนาอิสลามเรื่องผัวเมียก็ดี แลเรื่องมรฎกก็ดี ซึ่งคนนับถือสาสนาอิสลามเปนทั้งโจทย์จำเลย หรือเปนจำเลย ให้ใช้กฎหมายอิสลามในการพิจารณาแลพิพากษา แลให้โต๊ะกาลีซึ่งเปนผู้รู้แลเปนที่นับถือในสาสนาอิสลามเปนผู้พิพากษาตามกฎหมายอิสลามนั้น
(ลงพระนาม) ดำรงราชานุภาพ
ขอประกาศแก่ผู้ทำนาหรือเจ้าของนาในมณฑลกรุงเทพฯ ให้ทราบทั่วกันว่า บัดนี้ ถึงระดูที่เจ้าพนักงานจะได้ให้กำนันออกเดินรางวัดเก็บเงินหางเข้าค่านาจำนวนศก ๑๒๐ ในมณฑลนี้ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ร,ศ, ๑๒๐ นี้เปนต้นไป
เพราะฉนั้น ตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติลักษณการเก็บเงินค่านา ร,ศ, ๑๑๙ เจ้าพนักงานจะให้ผู้ทำนาหรือเจ้าของนานำชี้เฃตร์ที่นาของตนที่ได้หว่านปลูกเพาะเมล็ดเข้าแลต้นเข้านั้นให้สิ้นเชิง แม้ผู้ทำนาหรือเจ้าของนาไม่นำเจ้าพนักงานที่ไปรางวัดที่นาแล้ว ผู้นั้นต้องระหว่างโทษตามพระราชบัญญัติ ปรับครั้ง ๑ เปนเงินไม่เกิน ๒๐ บาท หรือจำไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับแลทั้งจำทั้ง ๒ สถานนั้น ให้ผู้ทำนาหรือเจ้าของนาคอยนำกำนันออกรางวัดที่นาของตนที่ได้หว่านปลูกเมล็ดเข้า แลรับใบนำจากกำนันเมื่อกำนันออกให้นั้นจงทุก ๆ ราย แม้ผู้ใดไม่ไปนำแลรับใบนำที่กำนันออกให้แล้ว เจ้าพนักงานจะถือว่า เนื้อนาที่กำนันได้รางวัดนั้นเปนถูกต้อง แลจะเรียกเงินอากรให้เต็มตามจำนวนนั้น
แม้เจ้าของนา หรือผู้แทน หรือผู้ทำนาคนใด เมื่อรับใบนำจากกำนันแล้ว เห็นว่า เนื้อนาคงเรียกในใบนำนั้นมากเกินกว่าจำนวนนาที่ได้เก็บเกี่ยว ควรจะขอลดได้ตามความในมาตรา ๑๑ ข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ แห่งพระราชบัญญัติลักษณการเก็บเงินอากรค่านา ร,ศ, ๑๑๙ นั้นแล้ว ก็ให้ทำเรื่องราวยื่นขอลดต่อนายอำเภอภายในกำหนดไม่เกิน ๑๕ วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับใบนำนั้นเปนต้นไป
อนึ่ง แม้ภายหลังผู้ใดจะมาร้องว่า ไม่ได้รับใบนำ ไม่ทราบประกาศ จะไม่ยอมเสียเงินค่านา กรมสรรพากรในจะไม่ยอมลดให้เลยเปนอันขาด เพราะได้ประกาศให้ทราบทั่วกันโดยเลอียดแล้ว กำนันจะเปนผู้ออกใบนำให้เมื่อเวลารางวัดนาทุก ๆ แปลง ถ้าเจ้า
