ถ้าปีใดมีอธิกวาร ก็ให้บอกพุทธศักราชตามแบบนี้ไปจนสิ้นปีตามมีกำหนดในแบบอธิกวารนี้
อนึ่ง ในปีมีอธิกวาร เดือน ๗ เปนเดือนถ้วน ให้ท่านผู้บอกพุทธศักราชเพิ่มอธิกวาระวะเสนะใว้เบื้องน่าเสศวันอธิกวาร ภูตายะไว้เบื้องน่าดิถีปัจจุบัน ต่อถึงเดือน ๘ แรมค่ำหนึ่ง จึ่งยกบทอธิกวาระวเสนะนั้นออกเสีย เพราะนับแรมเดือนเจด ๑๕ วัน ขึ้นเดือนแปด ๑๕ วันเปนเดือนหนึ่งแล้วเหมือนในปีชวด อัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ พระพุทธสาสนายุกาลส่วนอดีตภาค ๒๔๑๙ พรรษา เมื่อถึงเดือนเจด แรมค่ำหนึ่ง บอกพุทธศักราชว่า อุกาสะสิริสักยมุนิสัพพัญญุพุทธัสสะปรินิพพุตทิวสโตปัฏฐายะเอกมาสาธิกะเอกูนาสีติสังวัจฉรุตตระจตุสตาธิกานิเทวสังวัจฉระสหัสสานิอเหสุง อิมัสมิงปัจจุบันนะกาเล มุสิกสังวัจฉเร คิมหอุตุมหิ เชฐมาเสกาฬปักเข ปาฏิปเท วุฒวาเร อนาคเตกาเล อธิกวาระวะเสนะ เอกุนะวีสติทิวสุตตระทสสมาสาธิกะสมาสีติสังวัจฉรุตตระ ปัญจะสตาธิกานิเทวสังวัจฉระสหัสสานิ ภวิสันติ
ศิริศุภมัศดุ ฯลฯ เปนปัจจุปันวาร ยังพระพุทธสาศนกาลส่วนอนาคตซึ่งกำหนดว่าจะมาจะเปนไปณเบื้องน่านั้นอีก ๒๕๘๐ พรรษาถ้วนเสศ ก่อนแต่กาลที่วันไพศาขบุรณมีจะมา ยังอีก ๑๐ เดือนกับ ๒๙ วัน ด้วยอำนาจเดือนมีอธิกวาร