หน้า:กม ร ๕ (๑) - ๒๔๓๖.pdf/48

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
36
เล่ม ๑
ลักษณพยาน

จะให้พยานรับค้านด้วยกลอุบายหลายอย่าง แลตระลาการผู้พิจารณาก็ไม่ซักฟอกข้อค้านให้แจ่มแจ้งให้พยานเข้าใจ พยานที่รู้ความอยู่บ้างก็แบ่งแก้แบ่งรับแยกย้ายออกได้บ้าง พยานที่ไม่รู้กระบวนความก็รับค้าน ต้องกลอุบายของผู้ค้าน ประการหนึ่ง ลูกขุนผู้ปรับแลผู้รักษาเมืองกรมการเหนแต่ว่าพยานรับค้านต้องกฎหมายห้าม ก็ปฤกษาตัดสินให้ยกคำพยานเสีย พยานที่รับค้านจะควรฟังได้มิได้ไม่พิจารณาให้เลอียด ปฤกษาตามคำรับค้าน ตัดสินความจึ่งหาเปนยุติธรรมไม่ ฯพณฯ ซึ่งสำเร็จราชการแผ่นดินจึ่งตรวจดูในลักษณพยานเหนว่า ลักษณพยานต้องค้าน ๓๓ จำพวกนี้ว่าไว้เคลือบคลุมอยู่ไม่ชัดเจน แลพยานที่ต้องค้านควรจะฟังใช้ได้ก็มีบ้าง ที่ใช้ไม่ได้ก็มีบ้าง ยังระคนปนกันอยู่ จึ่งมีพระประสาสน์สั่งให้พระยาเจริญราชไมตรี ขุนหลวงพระไกรศรี พระศรีสังขกร เลือกคัตตัดรอนเพิ่มเติมในลักษณพยานการที่จะตัดสินพิภาคษาว่าความให้แน่นอน แล้วให้ปฤกษาพระบรมวงษานุวงษ์แลท่านเสนาบดีผู้ใหญ่ตรวจดู เหนชอบพร้อมกันแล้ว จึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเปนพระราชบัญญัติจัดเปนมาตราสำหรับผู้พิจารณาพิภาคษาตัดสินความแต่นี้สืบไปเมื่อน่า

มาตราพยานที่ห้ามไว้ ๓๓ จำพวกเดิมที่มิให้ฟังเปนพยานนั้น ให้ยกขึ้นเปนพยานฟังได้ ๑๑ จำพวก คือ คนมิได้อยู่แก่ศิลห้าศิลแปด ๑ หญิงมีครรภ ๑ เปนกระเทย ๑