(๕)ลักทรัพย์เขาโดยมันงัด ผ่า หรือพาเอาสิ่งที่เขาใช้บรรจุทรัพย์ไปก็ดี
(๖)ลักทรัพย์เขาโดยอาไศรยโอกาศที่เกิดเหตุภยันตราย เช่นว่า ในเวลาเกิดเพลิงไหม้ ดินระเบิด รถไฟชำรุด เรือเสีย หรือเวลามหาชนตื่นเหตุกลัวอันตราย เปนต้นก็ดี
(๗)ลักทรัพย์เขาโดยมันมีสาตราวุธติดตัวไปด้วยก็ดี
(๘)ลักทรัพย์เขาโดยมันแปลงตัวหรือมอมหน้าเข้าไปลักทรัพย์ก็ดี
(๙)ลักทรัพย์เขาโดยปลอมตัวเปนผู้อื่นก็ดี
(๑๐)ลักทรัพย์เขาโดยมันปลอมว่า มันทำการตามอำนาจอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี
(๑๑)ลักทรัพย์เขาโดยมีพรรคพวกนับทั้งตัวมันตั้งแต่สองคนขึ้นไปก็ดี
ถ้าผู้ใดลักทรัพย์ประกอบด้วยเหตุดังว่ามาในมาตรานี้ไซ้ ท่านว่า มันมีความผิด ต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนขึ้นไปจนถึงห้าปี แลให้ปรับตั้งแต่ห้าสิบบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง
ถ้าหากว่าการลักทรัพย์ได้กระทำประกอบด้วยเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดังว่าต่อไปในมาตรานี้ คือ
(๑)เข้าไปลักทรัพย์ถึงในเคหะสถานที่เจ้าทรัพย์มิได้อนุญาตให้มันเข้าไปก็ดี
(๒)ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาในทางสาสนาก็ดี
(๓)ลักทรัพย์ในที่จอดรถไฟ ที่ท่าเรือ แลที่รับส่งสินค้าก็ดี
(๔)ลักทรัพย์ที่จะใช้สำหรับราชการหรือที่จะใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ก็ดี
(๕)ลักทรัพย์ของนายหรือของผู้ที่เขาจ้างมันก็ดี
(๖)ลักปสุสัตว์หรือสัตว์พาหนะก็ดี
ถ้าผู้ใดลักทรัพย์กระทำประกอบด้วยเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดังว่ามาในมาตรานี้ ท่านว่า มันมีความผิด ต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนขึ้นไปจนถึงห้าปี แลให้ปรับตั้งแต่ร้อยบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง
ถ้าแลมันผู้กระทำผิดนั้นได้กระทำโดยอาการหรือโดยอุบายอย่างหนึ่งอย่างใดเช่นว่ามาในมาตรา ๒๙๓ นั้นด้วยไซ้ ท่านว่า มันต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่ปีหนึ่งขึ้นไปจนถึงห้าปี แลให้ปรับตั้งแต่ร้อยบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง
ถ้าผู้ใดลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลาค่ำคืน แลมันได้กระทำความผิดนั้นประกอบด้วยเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดังว่ามาในมาตรา ๒๙๓ นั้นด้วยไซ้ ท่านว่า มันต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไปจนถึงเจ็ดปี แลให้ปรับตั้งแต่ร้อยบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง