หน้า:คหก ขุนหลวงฯ - ๒๔๕๙.pdf/44

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๒๔

แล้วจึ่งตั้งทำการราชาภิเศกตามประเพณีกษัตรแต่ก่อน ๆ จึ่งถวายพระนามเรียกว่า พระรามาธิเบศร์ พระองค์จึ่งเอาพระราชธิดาของพระไตรโลกนารถมาตั้งเปนมเหษีทั้งแปดองค์ อันพระราชธิดาในพระอรรคมเหษีขวาสี่องค์นั้นตั้งเปนฝ่ายขวา อันพระราชธิดาในราชมเหษีซ้ายสี่องค์นั้น จึ่งเอามาตั้งเปนฝ่ายซ้าย อันพระอรรคมเหษีใหญ่นั้น พระนามเรียกพระประทุม จึ่งถัดมานั้นชื่อพระสุริยา ถัดมาองค์หนึ่งชื่อพระจันทเทวี แล้วถัดมาชื่อพระศิริกัลยา ฝ่ายขวาสี่องค์ด้วยกัน ยังฝ่ายซ้ายสี่องค์นั้น พระนามชื่อพระอุบลเทวีองค์หนึ่ง พระประภาวดีองค์หนึ่ง ถัดมาชื่อพระไวยบุตรีองค์หนึ่ง อันสุดพระครรภ์นั้นชื่อพระกนิษฐาเทวี พระราชธิดาฝ่ายซ้ายสี่ จึ่งเปนแปดองค์ด้วยกัน อันพระมเหษีขวาที่ชื่อพระประทุมานั้น มีพระราชโอรสสี่องค์ อันพระเชษฐานั้นชื่อพระองค์ไชย แล้วพระไตรภูวนารถ แล้วพระอภัยชาติ แล้วพระไชยาทิตย์ ในอรรคมเหษีขวาสี่องค์ อันในพระราชมเหษี ที่พระนามเรียกว่าพระอุบลเทวีนั้น มีพระราชโอรสสามองค์ อันพระเชษฐานั้นชื่อพระขัติยวงษา แล้วพระไตรจักร องค์สุดพระครรภ์นั้น ชื่อพระสุรินทกุมาร ทั้งสองฝ่ายจึ่งเปนเจ็ดองค์ด้วยกันทั้งสิ้น ๚

 ครั้นอยู่มาพระรามาธิเบศร์ทรงพระสุบินนิมิตรว่า อันจอมปลวกที่เล่นเมื่อยังย่อมอยู่นั้น มีปราสาททองอันงามวิจิตรอยู่ที่ในใต้จอมปลวกนั้น ครั้นเช้าพระองค์จึ่งเสด็จไป แล้วก็พิจารณาดูที่ตำบลอันนั้น จึ่งให้ขุดลงที่จอมปลวกนั้น จึ่งเปนมหัศจรรย์อยู่