๓ ฉะบับ ขณะที่หลวงสงครามวิจารณ์พูดนั้นพระสุรรณชิตก็อยู่และได้ยิน พระสุรรณชิตได้พูดต่อไปว่า คนจำพวกนี้ต้องกำจัดเสีย เอาแต่พวกของตน แล้วหลวงสงครามวิจารณ์ได้ขอให้หม่อมราชวงศ์ประยูรทำงานสักอย่างหนึ่ง คือช่วยกำจัดพระยาพหลพลพยุหเสนาเสีย หม่อมราชวงศ์ประยูรก็รับว่าได้ หลวงสงครามวิจารณ์ว่าต้องทำจริง ๆ ต้องตัดสินใจเด็ดขาด จะทำเหลวใหลไม่ได้ ดูแต่พระองค์เจ้าบวรเดชและพระยาศรีสิทธิสงคราม เขาดีกว่าเรายังกล้าคิดกล้าตาย คนอย่างเราจะไปเสียดายอะไร เมื่อทำสำเร็จแล้วหลวงสงครามวิจารณ์ว่าจะเชิญรัชกาลที่ ๗ และกรมพระนครสวรรค์กลับมา จะให้พระยาเทพหัสดินเป็นบริหารราชการแผ่นดิน หลวงสงครามวิจารณ์จะเป็นรัฐมนตรี ส่วนหม่อมราชวงศ์ประยูรจะเลี้ยงดูอย่างดี ต่อมาเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้พบกับหลวงสงครามวิจารณ์ ๆ ได้นัดให้ไปพบที่ร้านจีนขายอาหารบางลำภู ครั้นถึงสถานที่ที่กล่าวแล้ว ได้ไปพบพระสุรรณชิต หลวงสงครามวิจารณ์กับชายอีกคนหนึ่งอยู่ที่นั้น แล้วรับประทานอาหารและสุรากัน หลวงสงครามวิจารณ์ได้พูดว่าจะทำอะไรต้องทำให้จริง ๆ ทำให้เด็ดขาด เมื่อสำเร็จแล้วผลจะมาภายหลัง เงินก็จะมีมาเอง ถึงแม้จะตายก็ให้ตายด้วยกัน พระสุรรณชิตพูดว่า คนเราเกิดมาเป็นลูกผู้ชายตายครั้งเดียว ทำอะไรต้องมีความซื่อตรงต่อกันและกันจึงจะเป็นผลสำเร็จ เมื่อทำสำเร็จแล้วเราจะต้องมีรถเก๋งงาม ๆ ขี่กับเขาเหมือนกัน แล้วพากันไปที่ร้านนายเช็งนำที่ปากถนนระนอง ยังไม่ทันเข้าร้านหลวงสงครามวิจารณ์จึงบอกว่า ในวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ เวลา ๑๗ หรือ ๑๘ นาฬิกา ให้หม่อมราชวงศ์ประยูร ไปพบหลวงสงครามวิจารณ์ที่ร้านนั้นอีก ครั้งถึงกำหนดก็ไปตามนัด จึงได้ไปพบกับนายลี พระสุรรณชิต จำเลย และหลวงสงครามวิจารณ์กับพวกดั่งกล่าวแล้วข้างต้น
นอกจากนี้ยังได้ความจากนายชลอ ฉายกระวี พะยานโจทก์ว่า เมื่อปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้ไปหานายร้อยโทเผ่าพงษ์ และนายดาบผุดพันธ์ ซึ่งอยู่