หน้า:จมห ประพาสต้น - ๒๔๗๗.pdf/126

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๐๒

องค์ ๑ กลับจากวัดหยุดถ่ายรูปบ้าง จนเที่ยงจึงได้ลงเรือเหลือง ล่องลงมาไม่พบกรมหลวงประจักษ์ ตกลงทำกับเข้ากันมา ต่อจวนกับเข้าสำเร็จจึงได้พบ แลกินที่พลับพลาปากอ่าง ล่องเรือลงมาหยุดชั่วแต่พอถ่ายรูปเวลาพบเท่านั้น ขาล่องนี้เรือใช้ตีกรรเชียง แต่ก็เป็นอันสักว่าตี เบาเสียกว่ากรรเชียงเรือเล็ก ๆ อยู่ในลอยน้ำลงมา ถึงที่พักแรมตำบลวังนางร้าง แต่ที่แท้เขาเรียกวังอีร้าง เรียกนางร้างถึงตาถือท้ายไม่เข้าใจ เวลาทุ่มเศษ

วันที่ ๒๗ ออกเรือเช้า ๓ โมงจน ๕ โมงจึงได้ไปขึ้นเรือเหลือง หยุดกินเข้าที่ตลิ่งเป็นป่าฝั่งตะวันออก แล้วมาหยุดที่หาด ถ่ายรูปเวลาพระอาทิตย์ตก เลยตีกรรเชียงลงมาจนถึงพลับพลาบ้านแดนเวลาพลบ ไม่มีเรื่องอะไรเลยนอกจากอ้ายกรรเชียงที่ตีง่ายแสนสาหัส ขึ้นชื่อว่ากรรเชียงแล้วไม่มีอะไรจะเบาเท่า ถ้าขืนตีทวนน้ำแล้วเป็นไม่ขึ้นเป็นอันขาด

​วันที่ ๒๘ ออกเรือ ๓ โมงเช้า ต้องรอรับพวกจีนไทยที่มาหารวมทั้งตาแสนปมที่เห็นพายเรือมาแต่วานนี้ด้วย แวะกินเข้าที่พลับพลาหัวดง ซึ่งเขากะให้มาแรมเวลาบ่ายโมง ๑ เท่านั้น จึงเปลี่ยนเลื่อนลงมายางเอน หยุดถ่ายรูปเขานอครั้งหนึ่ง มาตามทางมีคนรู้จักเรือเหลืองว่าเป็นที่นั่งทั่วทุกแห่ง ที่ไหนเคยแวะที่นั่นคนยิ่งประชุมมาก มีอะไรที่จะตีจะเคาะโห่ร้องได้ก็ตีเคาะโห่ร้องทุกแห่ง มีลงเรือพายตามเอาของมาให้ก็มาก ที่เก้าเลี้ยวประโคมใหญ่เพิ่มเถิดเทิงด้วย ผู้หญิงตีเถิดเทิง มาถึงเขาดินได้ยินเสียงมโหรีแลพระสวด เห็นเวลายังวันอยู่