หน้า:จมห ประพาสต้น - ๒๔๗๗.pdf/127

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๐๓

จึงได้คิดแวะถ่ายรูป แต่ชายหาดน้ำตื้นเรือใหญ่เข้าไปไม่ถึง ต้องลงเรือเล็กลำเลียงเข้าไปอิก เดิรหาดร้อนเหลือกำลังทั้งเวลาก็บ่าย ๔ โมงแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นเขา แต่ครั้นเข้าถ่ายรูปที่เขาแล้ว เห็นที่วัดตระเตรียมรับแน่นหนามาก จึงเลยไปถ่ายรูป ครั้นเข้าไปไกล้ดูคนตะเกียกตะกายกันหนักขึ้น จนต้องยอมขึ้นวัด ๆ นี้​เรียกชื่อสามัญว่าวัดเขาดิน แต่ชื่อตั้งหรูมากจนจำไม่ได้ต้องจดว่า “วัดพระหน่อธรณินทรใกล้วารินคงคาราม” เจ้าอธิการชื่อเฮ็ง รูปพรรณสัณฐานดี กลางคนไม่หนุ่มไม่แก่ เป็นฝ่ายวิปัสนาธุระ ทีคนจะนับถือมาก พึ่งมาจากวัดมหาโพธิที่ตรงกันข้ามได้ ๒ ปี แต่มีคนแก่สัปรุษแลชาวบ้านหลายคน มาคอยอธิบายชี้แจงโน่นนี่ เจ้าอธิการว่าได้สร้างศาลาขึ้นไว้หลังหนึ่งขัดเครื่องมุง จึงให้เงิน ๑๐๐ บาทช่วยศาลานั้น แล้วสัปรุษทายกชักชวนให้เข้าไปดูในวัด ซึ่งเชื่อเสียแล้วว่าจะไม่มีอะไร แต่เสียอ้อนวอนไม่ได้ ครั้นเข้าไปถึงในลานวัดเห็นใหญ่โตมาก เป็นที่เตียนราบใต้ร่มไม้ใหญ่ กว้างเห็นจะเกือบ ๓ เส้น ยาวสัก ๔ เส้น เป็นที่รักษาสอาดหมดจดอย่างยิ่ง รู้สึกสบายถ่ายรูปแล้ว พวกสัปรุษชวนให้ไปดูพระอุโบสถ ซึ่งอยู่บนเขา จึงได้รู้ว่ามีทางอีกทางหนึ่งสำหรับขึ้นเขา มีบันไดอิฐขึ้นตลอดจะต่ำกว่าเขาบวชนาคสักหน่อย แต่ทางขึ้นง่ายไม่ใช่เขาดินเป็นเขาศิลา มี​ดินหุ้มแต่ตอนล่าง ๆ พวกสัปรุษพากันตักน้ำขึ้นไปไว้สำหรับจะให้กินให้อาบ โบสถ์นั้นรูปร่างเป็นศาลาไม่มีฝาหลังใหญ่ มีพระเจดีย์องค์ ๑ แต่ข้างหลังโบสถ์แลดูภูมิที่งดงามดี คือมีบึงใหญ่ เห็นจะเป็นลำเดียวกันกับบึงบ้านหูกวาง แลเห็นเขาหลวงเมืองนครสวรรค์สกัดอยู่ในที่สุด