หน้า:จมห ประพาสต้น - ๒๔๗๗.pdf/41

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๗

นี้ฉันก็พึ่งเคยเห็น คนพูดจากันอยู่ดี ๆ พอเข้าไปนั่งให้พระรดน้ำ ก็มีกิริยาอาการวิปลาศไปต่าง ๆ บางคนก็เฝ้าแต่ขากเสลดพ่นน้ำลายดังขากปู ๆ ไปจนพระหยุดรดน้ำมนตร์จึงหยุดขาก กลับหันมาบอกเราว่า สบายเบาในอกโล่งทีเดียว ยายแก่คน ๑ ตาบอดลูกสาวพามาให้พระรดน้ำมนตร์ พอรดเข้าก็ร้องครวญคราง แลวิงวอนว่ากลัวแล้ว จะไปแล้ว เท่านั้นเถิด อย่างนี้จนพระหยุด ถามพวกคนไข้ได้ความว่า ยายคนนี้เดิมมีผู้มาขอลูกสาวแกไม่ให้ เขาโกรธกระทำให้ผีสิงจนไม่เป็นสติ​อารมณ์ ต้องมารักษาตัวที่วัดประดู่ พอได้สติค่อยยังชั่วขึ้นสักหน่อย นี่และจะจริงเท็จเพียงใดก็ไม่ทราบ เล่าเท่าที่ตาเห็น แต่พวกเราที่ไปตามเสด็จไม่มีใครรับอาสาเข้าไปให้พระรดน้ำมนตร์ถวายตัวจึงไม่มีพยานที่จะยืนยัน ถ้าหากว่าพวกเราเข้าไปขากปูลงสักคนก็เห็นจะน่าเชื่อขึ้นมาก ออกจากวัดประดู่ล่องกลับออกมาได้ยินเสียงกลองลครชาตรีมีอยู่ในสวน รับสั่งให้แวะเรือพระที่นั่งเข้าไปจะใคร่ทรงทราบว่าเขามีงานการอะไรกัน ไปพบลครชาตรีมีอยู่ที่บ้านตาหมอสีเป็นพลเรือนอย่างโบราณลงมาต้อนรับ เห็นตานี่จะนอนดูลครจนหลับ หน้าตายู่ยี่ตัวยังเป็นรอยเสื่อ แต่แกต้อนรับแข็งแรงพูดจาอย่างเก่า ว่ายังงั้นซีพะยังงี้ซีพะ ไม่ใช้ขอรับหรือจ๊ะจ๋า นาน ๆ ได้พบอย่างนี้น่าฟังดี ได้ความว่าลูกแกเจ็บได้บนบานไว้ ครั้นรักษาหายจึงได้มีลครชาตรีแก้สินบน ​ออกจากคลองวัดประดู่เย็นมากแล้ว เรือไฟลากล่องมาถึงแม่น้ำใหญ่จวนจะค่ำ หาที่ทำครัวเย็นก็ไม่ได้เหมาะ ล่องเรือลงมาเห็นบ้านแห่งหนึ่งสอาดสอ้านดี มีเรือนแพอยู่ริมน้ำ รับสั่งว่าที่นี่เห็นพอจะอาศัยเขา