หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๐) - ๒๔๖๑.pdf/230

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๙๕

 เมื่อนั้นเจ้ามหาอุปราชาท่านก็ได้แต่งหื้อเจ้านายผู้ใหญ่ผู้น้อยลงไปกราบทูลพระมหากระษัตริย์เจ้าในกรุงเทพมหานครด้วยเจ้าอนันต์ฯ ถึงแก่พิราไลยไปสู่โลกภายน่านั้นแล ฯ

 ถึงจุลศักราชได้ ๑๒๔๕ ตัว ปีเต่าสีนั้น อาญาตนเปนเจ้ามหาอุปราชาหอน่าเปนเค้า แลพระยาสุนทรนุรักษ์ข้าหลวงใหญ่ประจำเมือง แลเจ้าราชวงษ์เสนาอามาตย์ก็ได้กะเกณฑ์ไพร่พลบ้านเมืองหื้อตัดฟันไม้มาสร้างแปงพระเมรุนั้นแล

 ในจุลศักราชนั้นสิ่งเดียว อาญาเจ้ามหาอุปราชาเปนเค้า แลเจ้าราชวงษ์ แลพระยาสุนทรข้าหลวงใหญ่ประจำเมือง แลหน่อมหาขัติยราชวงษา แลเสนาอามาตย์ทั้งหลายก็พร้อมกันแล้ว ก็ชุมนุมมายังช่างไม้ทั้งหลาย หื้อสร้างแปงยังมหาปราสาทพระเมรุหลวงหลังใหญ่ที่ข่วงดอนไชยลุ่มวัดหัวเวียงหั้นแล ท่านก็ได้แต่งให้พระยาหลวงจ่าแสนราชาใช้เปนพนักงานจัดการควบคุมยังช่างไม้ทั้งหลาย สร้างแปงยังมหาปราสาทพระเมรุหลวงหลังใหญ่ แปงเปนจตุรมุขออก ๔ ด้านหลังมุงยอดภายในบนประดับแล้วไปด้วยน้ำสีต่างๆ ใส่ข้างยอดช่องฟ้าแลปวงปี บนยอดใส่เสวตรฉัตรงามดีสอาด แล้วก็แต่งแปงศาลาบาด ล้อมแง่ ๑๔ ด้านจอดติดกันมุงด้วยคา หุ้มด้วยวัตถาผ้าขาวเทศอันบริสุทธิ แปงจตุรมุข ๔ ด้านมีประตูทั้ง ๔ หับไขแล้วก็แต่งโคมไฟยายแวดหั้นแล

 ถึงจุลศักราช ๑๒๕๕ ตัว เดือน ๘ ขึ้น ๖ ค่ำ ก็เชิญเอาบรมศพเจ้าอนันตฯ ลงจากหอคำราชโรงหลวง ก็กระทำสงเสพด้วยดุริยดนตรี