ก็เอาบุตรีพระยาแกวผู้ชื่อนางอูบแก้วเปนภรรยาอยู่ในเมืองที่นั้น ก็ซ้ำเปนที่ฦๅชาปรากฎ มีเดชานุภาพมากนักนั้นแล ฯ
๏เมื่อนั้นพระยาลุ่มฟ้าเก้าพิมานแลแกวพระกันทั้งหลาย ก็มาประชุมกันที่ภูเขาเหมือด อันมีในเขตรแดนเมืองแกว คือ ที่เมืองพระกัน ดังภูเหมือดที่นั้น เปนอันราบเสมองาม กว้างได้ ๑๒๐๐ วา ท้าวพระยาทั้งหลายก็ให้คนทั้งหลายแต่ง แปลงทำเนียบพนักปรำเต็มภูเหมือดที่นั้นทั้งหมด แล้วก็สร้างปราสาทที่ท่ามกลางภูเหมือด สูงได้ ๑๓๕ วา กว้างได้ ๙๓ วา มีเสวตฉั ตร ๗๗๐ ดวง แลมีอ่างคำใส่น้ำหอม สูงได้ ๓ ศอกกว้างได้ ๖ ศอก คำหนักล้านสี่แสน ให้ถวาย เปนอ่างอาบน้ำเจ้าพระยาเจือง ครั้นตกแต่งเสร็จแล้วก็เชิญเอาเจ้าพระยาเจืองฟ้าธรรมิกราชขึ้นสู่หอสรงแล้ว ท้าว พระยาทั้งหลายมีพระยาลุ่มฟ้าเก้าพิมานเปนประธาน ก็พร้อมกันรดสรงด้วยน้ำสังข์ ๗๗๐ ลูก คือสังข์อันเปนทักขิณ าวัฏทุกดวงเหนือกองแก้ว ๗ ประการ แล้วก็สถิตย์สำราญในปราสาทราชมณเฑียร มีนางทั้งหลายได้สี่แสนสี่หมื่น มีนางอัมราอันพามาแต่เมืองลาวนั้น กับนางอูบแก้วอันเปนบุตรีแห่งพระยาแกวเปนประธาน หากมาแวดล้อมเปนบริ วารก็มีแล ท้าวพระยาทั้งหลายมีพระยาลุ่มฟ้าเก้าพิมานเปนประธาน ก็พร้อมกันแต่งรายงานจุ้มเจี้ยไว้กับเจ้าพระยา เจืองนั้นแล กระทำเจ้า พระยาเจืองให้เปนเอกราชาที่เมืองแกวในปีกาบสี ศักราช ๕๕๑ ตัว เดือน ๙ ขึ้น ๙ ค่ำ วัน อังคารยามกองงาย เจ้าอยู่สำราญในปราสาทได้ ๗ วันแล้ว ก็เสด็จลงมาสู่โรงหลวง ท้าวพระยาทั้งหลายมี