สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าตรัสรู้ว่า พระเจ้าลูกเธอพระศรีเสาวเสด็จไปบัญชาการเศิกทุกวันดังนั้น ก็มิไว้พระไทย ก็ให้เอาพระเจ้าลูกเธอพระศรีเสาวนั้นไปฆ่าเสียณวัดพระราม.
๏ ครั้งนั้น การเศิกซึ่งจะรักษาพระนครนั้นก็คลายลง ครั้งเถิงศักราช ๙๓๑ มเสงศก (พ.ศ. ๒๑๑๒) ณวัน ๑ ๑๑ฯ ๙ ค่ำ เพลารุ่งแล้วประมาณ ๓ นาฬิกา ก็เสียกรุงพระนครศรีอยุทธยาแก่พระเจ้าหงษา ครั้นเถิงวัน ๖ ๖ฯ ๑๒ ค่ำ ทำการปราบดาภิเศกสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าเสวยราชสมบัดดิกรุงพระนครศรีอยุทธยา อนึ่ง เมื่อพระเจ้าหงษาเสด็จกลับคืนไปเมืองหงษานั้น พระเจ้าหงษาเอาสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าขึ้นไปด้วย.
๏ ศักราช ๙๓๒ มเมียศก (พ.ศ.๒๑๑๓) พญาลแวกยกพลมายังพระนครศรีอยุทธยา พญาลแวกยืนช้างตำบลสามพิหาร แลได้รบพุ่งกัน แลชาวเมืองพระนครยิงปืนออกไปต้องพญาจัมปาธิราชตายกับฅอช้าง ครั้งนั้น เศิกพญาลแวกเลิกทัพกลับคืนไป ในปีนั้น น้ำณกรุงพระนครศรีอยุทธยามาก.
๏ ศักราช ๙๓๓ มแมศก (พ.ศ. ๒๑๑๔) น้ำน้อย อนึ่ง สมเด็จพระนารายน์บพิตรเปนเจ้าเสด็จขึ้นไปเสวยราชสมบัดดิเมืองพิศณุโลก.
๏ ศักราช ๙๓๔ วอกศก (พ.ศ. ๒๑๑๕) น้ำน้อยนัก.
๏ ศักราช ๙๓๕ รกาศก (พ.ศ. ๒๑๑๖) น้ำน้อยเปนมัธยม.
๏ ศักราช ๙๓๖ จอศก (พ.ศ. ๒๑๑๗) น้ำมากนัก ครั้งนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงพระประชวรทรพิศม์.