เมืองเชียงแสน มาถึงเมืองน่านแล้วก็มาเมืองลิหล่ม พักพลไหว้พระบาทธาตุพระพุทธเจ้า แล้วจึงข้ามแม่น้ำตรอมตนิม แล้วจึงข้ามแม่น้ำแก้วน้อย แล้วจึงถึงบ้านพราหมณ์ ที่พระพุทธเจ้าไปบิณฑบาตบ้านพราหมณ์ข้างตวันออก ๑๕๐ เรือน ข้างตวันตก ๑๐๐ เรือนมีเศษ
๏จ่านกร้อง จ่าการบุรณ์ คิดอ่านกันว่า พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกเจ้าเราใช้เรามาที่นี้ ชรอยจะเปนปฤษณามาแก่เราทั้งสองนี้แล้วมีอาญาฐานที่นี้ก็เปนอันราบคาบนักหนา ทั้งสองฟาก มีบ้านพราหมณ์ก็อยู่ทั้งสองฟาก มาเราจะสร้างเมืองถวายแก่เจ้าเราเถิด ครั้นเจ้าทั้งสองคิดกันแล้ว จ่านกร้องจึงให้พ่อค้าเกวียน ๕๐๐ เล่มข้ามไปข้างตวันตกก็ตั้งทับประกับเกวียนไว้แล้ว จึงทำสารบาญชีชะพ่อพราหมณ์แลไพร่ของตนรวมกันเปนคน ๑๐๐๐ ทำอิฐ จ่าการบุรณ์ทำบาญชีชะพ่อพราหมณ์แลไพร่ของตน รวมกันเปนคน ๑๐๐๐ เท่ากัน ทำอิฐได้เปนอันมาก แล้วจึงให้หาชะพ่อพราหมณ์ อันเปนผู้เถ้าผู้แก่ตามไสยสาตรจึงให้ชะพ่อพราหมณ์กินบวชถือศีล เขนง ๗ วันแล้วสระเกล้า แล้วขึ้นโล้ถีบอัมพวายแก่พระอิศวรเปนเจ้าจึงเอาพระอิศวรออกไปเลียบที่ตั้ง เมือง จึงให้พราหมณ์ชักรอบทิศตั้งเมืองแล้ว จึงปันน่าที่ยาว ๕๐ เส้นสกัดสิบเส้นสิบวา ปันน่าที่ไว้แก่พราหมณ์จะได้เท่าใด ไทยจะได้เท่าใด ลาวจะได้เท่าใด ครั้นปันน่าที่แล้ว พอได้ณวันพฤหัศบดีเดือนสามขึ้นค่ำหนึ่งปีฉลูฉศก เพลาเช้า ต้องกับเพลาเมื่อพระพุทธเจ้าฉันจันหันใต้ต้นสมอ