หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๒๑) - ๒๔๖๔.pdf/10

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

หลังใหญ่ เพื่อได้ดูแลรักษาบ้านเรือนหมู่นั้น เรือนหลังเล็ก ๆ ผู้อื่นได้อาศรัยอยู่ตามควร ได้ยกครอบครัวไปอยู่ในที่นั้นตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๑ ครั้นถึง พ.ศ. ๒๔๖๓ มีเหตุเพลิงไหม้ขึ้นอีกในที่นั้น เรือนทุกหลังในบ้านนั้นเปนอันตรายหมด ขณะนั้นพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) ก็อยู่ในฐานอันชราภาพและมีความเจ็บป่วยประจำตัวอยู่เสมอ ๆ ไม่สามารถที่จะทำกิจการในน่าที่ได้เต็มบริบูรณ์, ทั้งที่อาศรัยเดิมในวังบุรพาภิรมย์ก็ได้เปลี่ยนแปลงเปนอย่างอื่นไปเสียแล้ว, การที่จะเข้ามาอยู่ในวังเช่นแต่ก่อน แม้แต่จะจัดหาที่อื่นได้ ก็จะเปนที่เล็ก ไม่สมฐานของผู้ใหญ่ ทั้งจะได้ความลำบากแก่ผู้ชราภาพซึ่งป่วยเจ็บอยู่ด้วย, เพื่อที่จะให้เกิดความศุขสำราญและดำรงชีพยืนยาวสืบไป เมื่อนายพันโท พระพิเศษสุรฤทธิ (หลง สินศุข) ผู้บุตรชายคนเดียวของพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) ทูลขอรับบิดาไปไว้ยังบ้านตนซึ่งตั้งอยู่ณริมถนนพญาไท ตำบลพญาไทนั้นแล้ว จึงโปรดประทานอนุญาต เพราะ ทรงเห็นว่าจะเปนผลอันดีซึ่งจะได้รับอากาศบริสุทธิเปนเครื่องเกื้อกูลแก่การรักษาความป่วยเจ็บ, เพื่อยังชีวิตให้เปนยืนยาว เมื่อพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) ไปอยู่ที่บ้านนายพันโท พระพิเศษสุรฤทธิ แล้ว ก็หาได้ลืมความกตัญญูต่อเจ้านายของตนไม่ แม้ว่ามีกิจการในกรมที่จำเปนพอสามารถจะมาได้ ก็อุตสาหะมาทำตามน่าที่อยู่เนือง ๆ ลำดับนี้ได้โปรดประทานอภัยให้พักรักษาตัวอยู่ยังบ้านบุตรเปนอันได้รับความศุขสบายดียิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่นั่นและ สังขารไม่เปน