หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๒๑) - ๒๔๖๔.pdf/16

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

พ่ายแพ้ไทยไป ไทยกับตีมณฑลภาคพายัพข้างตอนใต้ มีเมืองเชียงใหม่เปนต้น อันเปนของพม่าอยู่แต่ก่อนได้มาเปนของไทย ในที่สุดพระเจ้ามังระให้อะแซหวุ่นกี้เปนแม่ทัพคนสำคัญของพม่ายกกองทัพใหญ่เข้ามาตีเมืองไทยอิกครั้งหนึ่งก็ไม่สำเร็จ พอพระเจ้ามังระสิ้นพระชนม์ จิงกูจาราชโอรสได้รับรัชทายาท ก็เกิดขบถขึ้นในแผ่นดินพม่า มังหม่อง ชิงราชสมบัติพระเจ้าจิงกูจา แล้วตะแคงปดุงซึ่งเปนอาว์ชิงราชสมบัติจากมังหม่อง พวกประเทศราชแลเมืองขึ้นของพม่าเห็นการในราชธานีเปนจลาจล ก็พากันกระด้างกระเดื่อง พระเจ้าปดุงได้ราชสมบัติ ต้องทำสงครามปราบปรามเมืองขึ้นอยู่หลายปี เมื่อปีมโรง พ.ศ. ๒๓๒๗ พระเจ้าปดุงจะยกกองทัพไปปราบปรามเมืองยะไข่ซึ่งเคยเปนประเทศราชขึ้นเมืองพม่าอยู่ทางทิศตวันตก ในเวลานั้นพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จปราบดาภิเศกได้ ๒ ปี พระเจ้าปดุงคงคิดเกรงว่า ในเวลายกกองทัพหลวงไปตีเมืองยะไข่ ไทยได้ช่องจะยกกองทัพออกไปตีเมืองพม่าข้างหลัง จึงให้มาขอเปนไมตรีเพื่อจะมิให้ไทยยกไปตีเมืองพม่า การที่พระเจ้าปดุงให้มาขอเปนไมตรีครั้งนั้น จะเปนแต่อุบายกลศึกประสงค์เพียงจะเจรจาความเมืองหน่วงไว้มิให้ไทยทำร้ายในเวลาพม่าเสียเปรียบ ฤๅจะตั้งพระหฤไทยที่จะเปนไมตรีกับไทยโดยสุจริต ก็อาจเปนได้ทั้ง ๒ สถาน แต่ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังมา ชวนให้เห็นว่า พระเจ้าปดุงมิได้ตั้งพระไทยที่จะเปนไมตรีให้ยืดยาว ถ้าได้ทีเมื่อใดก็คงจะทำร้ายไทยอิก ฝ่ายข้างไทยก็เห็นจะรู้เท่าพม่ามาแต่แรก