หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๒๑) - ๒๔๖๔.pdf/48

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๖

อยู่แล้ว ซึ่งว่าสองพระนครมิได้สามัคคีรศ ยังเปนปรปักษ์ปัจจามิตรแก่กันอยู่ดังนี้ เหตุว่าเสนาบดีกรุงอังวะแต่งให้เข้ามาเจรจาความเมืองนั้น ก็หาเหมือนดังถ้อยคำที่ว่าไม่ เพราะมิได้ตั้งใจจะทนุบำรุงแผ่นดินให้วัฒนโดยสุจริต หาคิดที่จะไว้เกียรติยศสัตยานุสัตย์ไม่

แลบัดนี้ท่านผู้จะสามิภักดิ์ต่อพระมหากระษัตราธิราชทั้ง ๒ ฝ่ายมีจิตรจินตนาปรารภจะใคร่ดำเนินทางพระราชไมตรีให้สองพระนครเปนสุวรรณปัถพีเดียวกันนั้น ก็ชอบอยู่แล้ว แต่ทว่ากลัวเกลือกจะเปนเหมือนเมื่อท่านมาครองเมืองเมาะตะหมะ ปัญญาสมิงเจ้าเมืองว่า ครูปัญญาเจยะ เยหละนรา ธรรมสาริยะ อากาปันยี สิริแทง นรากะยอ เข้ามาเจรจาความเมือง ฝ่ายท่านผู้ครองเมืองกาญจนบุรีแต่ก่อนก็ได้ช่วยทนุบำรุงบอกส่งเข้าไปถึงกรุงจนได้กลับออกมาครั้งหนึ่งแล้ว ท่านก็หามีชอบไม่ กลับได้ผิดจนตัวต้องราชทัณฑ์ถอดจากยศถาศักดิ์ ผู้ที่เข้าไปก็เปนโทษถึงสิ้นชีวิตร ยังเหลืออยู่แต่อากาปันยีคนนี้กับพระยาไชยะ ความนี้เราได้แจ้งก็คิดวิตกด้วยอยู่ แลบัดนี้ท่านได้กลับลงมาครองเมืองเมาะตะหมะใหม่ เราก็มีความโสมนัศยินดีด้วย

อนึ่งท่านว่ามาเปนทางปรมรรถธรรมเห็นไภยเหนื่อยหน่ายในยุทธนาการ หวังวะระงับอรินราชสงครามทั้งสองฝ่าย ให้คืนคนข้างโน้นข้างนี้ซึ่งถอยทีจับไปมานั้น ถ้าสุจริตจริง ก็หากจะเปนไปเอง ถึงแต่ก่อนนั้น พระบาทสมเด็จบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวแห่งเรา