หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๒๑) - ๒๔๖๔.pdf/59

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๔๗

กาลสมบัติหนึ่ง แลกาลวิบัตินั้นคือเกิดทุพภิกขันตรกัลป แลสัตถันตรกัลป รบพุ่งฆ่าฟันกัน โรคันตรกัลป แลกาลวิบัตินี้จะใกล้สิ้นอยู่แล้ว (ข้อซึ่ง) จะถึงกาลสมบัติบริบูรณ์ขึ้น (นั้น ก็) เพราะผลกุศลอุสาหะตั้งจิตรบำเพ็ญทานรักษาศีลภาวนาตามพระบวรพุทธสาสนาให้ยิ่งขึ้น จึงอาจจะบันดาลให้เทวดารักษาโรค นำเอาความดีมาชี้แจงดลจิตรกรุงกระษัตริย์ทั้งสองฝ่าย ตั้งอยู่ในประโยคสมบัติปรนนิบัติซื่อตรงกายแลวาจาต้องกันกับจิตรมิได้วิปริตแล้ว ก็เห็นว่ากาลวิบัติทั้งนั้นจะเสื่อมสูญ ถ้าแลตั้งอยู่ในประโยควิบัติปรนนิบัติผิดจิตรกับกายแลวาจามิต้องกันยังแผกผันอยู่ฉนี้ ก็เห็นว่าจะเกิดกาลวิบัติยิ่งขึ้นไปกว่าเก่าได้ร้อยเท่าพันทวีอีก

แลข้อซึ่งว่า อยู่ณเดือนสิบสอง แรมสามค่ำ ศักราช ๑๑๕๖ (พ.ศ. ๒๓๓๗) ชาวด่านสมิไปลาดตระเวณถึงริมคลองมีปรัก ได้หนังสือแขวนแล้วเอาไปส่งให้เยทางนรทานายบ้านอัดรัน ๆ จึงเอาหนังสือขึ้นไปให้เจ้าเมืองเมาะตะหมะ ๆ จึงแต่งคนให้ถือหนังสือแขวนขึ้นไปกราบทูลพระเจ้าอังวะนั้น แลความข้อนี้เห็นว่า พระเจ้าอังวะจะแจ้งในหนังสือกรุงศรีอยุทธยาตัดภ้อไปว่า ถ้าจะเปนทางพระราชไมตรีกันนั้น จะให้พระมหากระษัตริย์ทั้งสองฝ่ายร่วมเสวตรฉัตรกันฤๅ ๆ จะให้แต่เสนาผู้ใหญ่ผู้น้อยทะแกล้วทหารทำสัตย์กัน ฤๅจะไม่ทำสัตย์แล้วแต่จะไม่ทำยุทธสงครามแก่กันต่างคนต่างอยู่ประการใด ให้เสนาบดีเอาเนื้อความทูลแก่เจ้าอังวะ ๆ จะประพฤติฉันใด ก็แต่งขุนนางพม่าเปนทูตานุทูตกับขุนนางไทยผู้ใหญ่ซึ่งไม่พอใจรบศึกเสียกรุงแก่พม่าจึงได้กวาดเอาไปไว้นั้นมา ถ้ามิ