หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๒๑) - ๒๔๖๔.pdf/8

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

เมื่อจะกล่าวถึงครอบครัวของพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) ในชั้นหลัง ซึ่งได้แยกนามสกุลว่า สินศุข ขึ้นแล้วนั้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙ พระยาภาณุพันวงศ์วรเดช แต่ยังเปนนายแย้มจางวางอยู่นั้น ได้ทำการสมรสกับนางเพียนธิดาพระอนันตคีรี (แก้ว) ผู้ว่าราชการเกาะพงัน (เดิมขึ้นจังหวัดไชยา) มีบุตรคน ๑ ชื่อหลง เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๐ มีธิดาคน ๑ ชื่อเยื้อน เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗ ครั้นนายหลงมีอายุได้ ๑๕ ปี บิดาได้ส่งเข้าเปนนักเรียนนายร้อยทหารบกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๕ ออกจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้รับยศทหารบกชั้นสัญญาบัตรต่อมาตามลำดับ ส่วนบรรดาศักดิ์ ได้เปนหลวงอาวุธสิขิกรเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้ออกไปศึกษาวิชาอากาศยานณประเทศฝรั่งเศส ๓ ปี กลับเข้ามารับราชการในกรมอากาศยานทหารบกสืบมา ในเวลานี้ได้มียศทหารบกเปนนายพันโท มีบรรดาศักดิ์เปนพระพิเศษสุรฤทธิ์ ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานกรมอากาศยานทหารบก

เมื่อว่าถึงสถานที่อยู่ ได้กล่าวไว้แล้วว่า พระยาภาณุพันธุวงศ์วเดช (แย้ม สินศุข) เกิดที่บ้านบิดาณะตำบลปากคลองตลาด เมื่อเจ้าพระยายมราช (ศุข) บิดาถึงอสัญญกรรม มีอายุยังเยาว์ จึงอยู่ในความปกครองของพระเพชรฎา (นก) ผู้เปนพี่ใหญ่ บรรดาญาติผู้ใหญ่ ๆ นอกจากที่ได้แยกกันไปอยู่ณตำบลอื่นแล้ว ต่างก็แยกที่อยู่กันเปนส่วน ๆ ในบ้านนั้น เมื่อถึงเวลาล่วงลับกับไปตามลำดับ ที่บ้านนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาล เมื่อนายแย้ม สินศุข มีอายุขึ้นมากแล้ว