หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๒๑) - ๒๔๖๔.pdf/9

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

ก็ได้ครอบครองบ้านเรือนส่วน ๑ ณตำบลปากคลองตลาดนั้นตลอดมา ครั้นถึง พ.ศ. ๒๔๔๑ทางราชการจะต้องการที่บ้านตำบลนี้สร้างตึก และตัดถนนริมคลองตลาดฟากตวันออก ถูกในส่วนซึ่งจางวางแย้ม สินศุข ตั้งอยู่ ต้องขายที่นั้นแก่รัฐบาล เปนอันจะต้องรื้อเรือนไปหาที่ปลูกสร้างใหม่, สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุวงศ์วงเดชทรงสงสาร โปรดประทานอนุญาตให้จางวางแย้ม สินศุข รื้อเรือนเดิมมาปลูกอาศรัยอยู่ในที่ดินนอกกำแพงพระนครอันเปนเขตรน่าวังบุรพาภิรมย์สืบต่อมา ในระหว่างเวลารื้อเรือนปลูกเรือนใหม่ โปรดให้ยกครอบครัวมาอาศรัยศาลาหมู่ ๑ ในวังบุรพาภิรมย์ชั่วคราว เมื่อสร้างเรือนใหม่เสร็จแล้ว ได้ออกอยู่ในที่นั้น ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙ เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่โรงเลื่อยไม้น่าวังบูรพาภิรมย์ เขตรเรือนจางวางแย้ม สินศุข อยู่ใกล้ชิด โรงเลื่อย เพลิงไหม้บ้านเรือนหมด โปรดให้ยกครอบครัวเข้ามาอยู่ในวังบุรพาภิรมย์เช่นครั้งก่อน จางวางแย้ม สินศุข นั้น นอกจากหมดกำลังที่จะสร้างบ้านเรือนขึ้นใหม่อีกแล้ว ยังเต็มใจที่จะอาศรัยอยู่ในวังสืบไป โดยเหตุว่าเปนการสดวกแก่น่าที่ซึ่งภายหลังต้องมีต้องทำอยู่ใกล้ชิดพระองค์ยิ่งขึ้น ที่ดินเดิมซึ่งจางวางแย้ม สินศุข ได้ตั้งบ้านเรือนเพลิงไหม้ว่างเปล่าอยู่นั้น, โปรดให้ผู้อื่นเช่าสร้างบ้านเรือนอาศรัยอยู่ต่อไป ภายหลังผู้เช่าต้องออกจากบ้านนั้น ทูลขอขายเรือนต่าง ๆ ที่ปลูกสร้างไว้ เมื่อได้ทรงรับซื้อเรือนทั้งหมู่เปนสิทธิของพระองค์แล้ว จึงโปรดให้พระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) ไปอาศรัยอยู่ณะเรือน