หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๒๔) - ๒๔๖๕.pdf/64

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๔๓

เข้าไปหานายทัพ เพื่อจะยอมสามิภักดิ์ด้วยกันทั้งสิ้น นายทหารที่ใน ค่ายจึงให้ร้องตอบออกไปว่า ให้มาเถิดจะไม่ทำอันตราย กวานกอยี่จึง ให้ฮ่อ ๒ คนถือหนังสือเข้ามาส่ง ในหนังสือนั้นแปลได้ความว่า กวานกอยี่กับพรรคพวกจะยอมสามิภักดิ์ ขออย่าให้กองทหารทำอันตราย จะขอความกรุณาแต่เพียงให้ได้บุตรภรรยาคืน ต่อไปจะยอมเปนข้าขอบขัณฑ สิมากรุงเทพฯ จะโปรดให้ไปอยู่ที่ใด และจะให้รับราชการอย่างใด จะยอมทำตามคำสั่งของแม่ทัพไทยทั้งสิ้น หลวงดัษกรปลาศ เจ้า ราชภาคินัยปฤกษากับพระสวาฯ แล้ว สั่งไปให้บอกกวานกอยี่ว่า ซึ่ง จะยอมสามิภักดิ์นั้นก็ดีแล้ว ถ้าสามิภักดิ์จริง ก็จะยอมคืนบุตรภรรยา ให้ แต่การที่พูดด้วยปากยังจะไว้ใจไม่ได้ ให้กวานกอยี่ถอดเสื้อวาง อาวุธเข้ามาอ่อนน้อมยอมกระทำสัตยสัญญาให้ถูกต้องตามอย่างธรรมเนียมก่อน จึงจะเชื่อถือว่าสามิภักดิจริง ในวันนั้นเวลาบ่าย ๔ โมง กวานกอยี่กับพวกนายฮ่อ ๔ คนถอดเสื้อวางอาวุธเสีย มายังค่ายไทย แต่ตัว หลวงดัษกรปลาศกับเจ้าราชภาคินัยให้กวานกอยี่กับพวกฮ่อ กระทำสัตยสาบาลแล้ว ปล่อยตัวให้กลับไปยังค่าย แต่นั้นฮ่อกับไทย ก็เลิกรบกัน กวานกอยี่ขออนุญาตไปอยู่ที่เมืองฮุง รอเจ้าหมื่นไวยวรนารถ แม่ทัพที่จะขึ้นไปในฤดูแล้ง ฝ่ายข้างไทยก็คืนบุตรภรรยาไปให้กวานกอยี่ อนึ่งตั้งแต่เกิดศึกฮ่อคราวนี้ พวกข่าแจะซึ่งพวกเมืองหลวงพระบาง เคยใช้สอยในกิจการต่าง ๆ เปนประเพณีบ้านเมืองมาช้านานนั้น พากันเปน" เจือง" คือขัดแขงกำเริบขึ้นหลายตำบล ข่าแจะพวก ๑ ตั้งอยู่ที่