หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๓) - ๒๔๗๑.pdf/91

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๘๐

อยู่ยังเมืองเชียงใหม่ขอเปนข้าขอบขัณฑสิมา เอาพระบรมเดชานุภาพพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวณกรุงเทพฯ เปนที่พึ่งสืบไป

ครั้นลุศักราช ๑๑๖๘ ปีขาล อัฐศก พระยาราชวงษ์คำฟั่นเมืองเชียงใหม่ พระยาอุปราชหมูล่าเมืองนครลำปาง เกณฑ์กองทัพเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง ยกขึ้นไปตีเมืองเชียงรุ้ง ได้รบพุ่งกับพม่าลาวลื้อพลเมืองเปนหลายครั้ง เจ้าเมืองเชียงรุ้งกับท้าวพระยาสิบสองพันนาก็อ่อนน้อมยอมเปนข้าขอบขัณฑสิมากรุงเทพฯ

อยู่มาลุศักราช ๑๑๗๐ ปีมโรง สัมฤทธิศก พระยาเชียงใหม่ พระยานครลำปาง ยกขึ้นไปเกลี้ยกล่อมมหาขนานณเมืองเชียงตุง ๆ ก็ยอมพาครอบครัวอพยพมาพักอยู่ณเมืองเชียงแสนได้ประมาณเดือนเศษ แล้วมหาขนานกลับใจพาครอบครัวหนีกลับไปเมืองเชียงตุง พระยานครลำปาง พระยาเชียงใหม่ ก็หาได้ยกกองทัพติดตามไปไม่

ครั้นลุศักราช ๑๑๗๑ ปีมเสง เอกศก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสู่สวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลยได้เถลิงถวัลยราชสมบัติปราบดาภิเศกแล้ว ครั้นณปีมเมีย โทศก พระยาเชียงใหม่ พระยานครลำปาง แต่งให้เจ้านายบุตรหลานคุมเครื่องราชบรรณาการลงมาทูลเกล้าฯ ถวาย

ครั้นลุศักราช ๑๑๗๖ ปีจอ ฉศก จึงทรงพระราชดำริห์ปฤกษาด้วยท่านอรรคมหาเสนาบดีว่า เมืองลำพูนไชยยังร้างว่างอยู่ หามีผู้คนรักษาบ้านเมืองไม่ จะทรงพระมหากรุณาตั้งเจ้าเมือง อุปราช ราชวงษ์