หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๔) - ๒๔๕๘.pdf/36

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๙

พระเจ้าหงษาสั่งให้ห้ามพลรบทั้งปวง พลศึกทั้งปวงมิได้รบพุ่งมิได้ยิงปืน อนึ่ง พลทหารข้างในพระนครก็มิได้ออกรบพุ่งมิได้วางปืนใหญ่ออกไป ต่างคนต่างสงบทั้งสองฝ่ายถึง ๗ วัน จึงพระเจ้าหงษาก็ส่งพระสังฆราชเข้ามาแลสั่งพระสังฆราชว่า ถ้าพระเจ้ากรุงพระนครศรีอยุทธยาจะเปนพระราชไมตรีด้วยเราไซร้ ให้พระเจ้าแผ่นดินแลท้าวพระยาผู้ใหญ่ทั้งปวงมาถวายบังคม จึงจะรับเปนพระราชไมตรีด้วย ครั้นพระสังฆราชเข้าถึงกรุง ถวายพระพรแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินโดยคำพระเจ้าหงษาสั่งเข้ามานั้น จึงท้าวพระยาทั้งหลายทูลแก่พระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินว่า การทั้งนี้พระเจ้าหงษาก็เพโทบายล่อลวงให้ออกไป แล้วจะกุมเอาท้าวพระยาผู้ใหญ่ทั้งปวงไว้ แล้วพระเจ้าหงษาก็จะให้เข้ามาเทเอาครัวอาณาประชาราษฎรทั้งหลายอพยพไปเปนชเลย แลศึกครั้งนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายขอถวายชีวิตรรบพุ่งป้องกันจนถึงขนาด เมื่อพระสังฆราชเข้ามานั้น จึงสมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินก็ตรัสให้ท้าวพระยาทั้งหลายพิพากษาเปนหลายยกหลายเกน แลท้าวพระยาทั้งปวงลงด้วยกันเปนคำเดียวว่า อาสาจะรบพุ่ง แต่พระยาธรรมาไซร้มิได้ลงด้วยท้าวพระยาทั้งปวง ๚

ฝ่ายพระเจ้าหงษาก็ท่าฟังทูตซึ่งจะออกไปแต่พระนครก็ช้าอยู่ถึงสามวัน พระเจ้าหงษาคิดด้วยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าว่า กรุงพระนครศรีอยุทธยามิให้ทูตออกมาเจรจาด้วยความเมืองให้ช้าอยู่ดังนี้ ก็เห็นว่า มิเปนพระราชไมตรี แลเราจะให้แต่งการที่จะปล้นเมืองนั้นดุจเก่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชก็ทูลแก่พระเจ้าหงษาว่า