หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๕๑) - ๒๔๗๒.pdf/41

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๓

ศุภมัสดุ พระพุทธสาสนกาลเป็นอดีตล่วงแล้ว ๒๓๙๓ พรรษา ลุกาลผคุณมาส ศุกรปักษ์ ฉัฏฐมีดีถี โสรวาร บริเฉทกาลกำหนด เพลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมธรรมิกราชะธิราชบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระประชวร มีความรำจวนพระราชหฤทัยถึงพระราชกิริยาซึ่งได้ทรงประพฤติมา ในการซึ่งได้ทรงปฏิสันถารปราศรัย และมีพระราชดำรัสด้วยกิจใดๆ กับพระสงฆ์ราชาคณะถานานุกรมบาเรียนและภิกษุอนุจรองค์ใด ๆ ก็ดี ตั้งแต่จำความได้มาจนกาลบัดนี้ ทรงพระบริวิตกระแวงอยู่ว่า เกลือกจะมีความพลั้งพลาดประมาทในโวหารเป็นการอคารวะ ไม่สมควรที่จะทรงตรัสแก่สมณบรรพษัทในพระสาสนา อนึ่ง ตั้งแต่ทรงถวัลยราชราชาภิเษกมา บางทีอธิกรณ์มีในพระสงฆ์ ก็ได้ทรงตรัสประภาษเป็นพระราชดำริดุจหนึ่งกระด้าง เพื่อจะให้พระราชาคณะถานานุกรมเจ้าหมู่เจ้าคณะทั้งปวงเกรงพระราชานุภาพ จะให้อุตสาหะสั่งสอนศิษยานุศิษย์และปราบปรามภิกษุอลัชชีเหล่าอันธพาล ให้พระพุทธสาสนาถาวรวัฒนาการบริสุทธิสะอาด ด้วยอำนาจพระเดชานุภาพสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินที่เป็นสาสโนปถัมภก ก็ครั้งนี้ มีพระราชวิตกว่า พระราชกิริยาทั้งปวงนั้น ลางอันจะเป็นอคารวะและไม่เป็นที่ชอบใจแก่พระผู้เป็นเจ้าบางองค์ ทรงวิปฏิสารอยู่ จึงมีพระราชโองการมานพระบันฑูรสุรสีหนาท