หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๙) - ๒๔๖๑.pdf/69

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๔๘

สัตย์สัญญาสาบาลต่อกันทั้ง ๒ ฝ่าย มิให้คิดร้ายอาฆาฏแก่กัน สืบไป ท้าวโดยนำ ท้าวเหลน ท้าวตอม ก็ยอมสมัคสมานดีกันกับ บิดาข้าพเจ้า เจ้าเมืองเต้งฮึงจึงตั้งให้ท้าวเหลนเปนที่ริเต๋งเปนผู้ช่วย ราชการเมืองไล เก็บค่าไร่ค่านาแก่ราษฎร แลตั้งให้ท้าวตอม เปนที่ทงไลช่วยราชการฝ่ายทางหนังสือจีน แต่ท้าวโดยนำนั้นให้ คงที่เปนนายทหาร ช่วยรักษาการบ้านเมืองไล บิดาข้าพเจ้า กับท้าวโดยนำ แลท้าวเหลน ท้าวตอม ก็ลาเจ้าเมืองเต็งฮึงพากัน กลับมาอยู่บ้านเมืองดังเก่า ต่างปรกติดีกันไปทั้ง ๒ ฝ่าย อยู่ได้ ๕-๖ เดือน ท้าวโดยนำคิดประทุษร้ายต่อบิดาข้าพเจ้าอิก จึงให้ ท้าวตอมไปหาเจ้าเมืองอูผู้เปนลื้ออยู่ในแดนดินสิบสองปันนา ขอจ้างเอากำลังมาตีเมืองไล เจ้าเมืองอูจึงจัดพลลื้อพลตองซู่ประมาณ ๖๐๐ - ๗๐๐ คน มอบให้ท้าวตอมคุมมาตีเมืองไล ทางเดินตั้งแต่ เมืองอูมาเมืองไล ๑๒ วัน บิดาข้าพเจ้าคุมกำลังเมืองไล ประมาณ๒๐๐ คน ข้ามแม่น้ำแท้ไปฟากข้างทิศใต้ ปะทะกองทัพ เมืองอูที่ทุ่งนาเมืองไล ได้สู้รบกัน ไพร่พลล้มตายลงด้วยกันทั้ง สองฝ่าย บิดาข้าพเจ้าได้สู้กองทัพเมืองอูอยู่ได้ ๑๐ วันเศษ ต้านทานกำลังกองทัพลื้อเมืองอูไม่ได้ บิดาข้าพเจ้าจึงได้แตกหนีพาไพร่พลอพยพครอบครัวไปฝากไว้กับเจ้าเมืองเจน ระยะทางเรือไกลจาก เมืองไล ๒ วัน บิดาข้าพเจ้าจึงพาคำโหม คำเหิน พี่ชายข้าพเจ้า กับบ่าวไพร่ ๒๐ คนเศษ ลงไปพึ่งอยู่กับเจ้านครหลวงพระบาง ใน เวลานั้นคำโหมพี่ชายใหญ่ข้าพเจ้าอายุได้ ๑๘ ปี คำเหินพี่ชายรอง