หน้า:ปัญญาส (๑๔) - ๒๔๗๐.pdf/10

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
5
๔๘ สุวรรณสิรสาชาดก

ปุนทิวเส ครั้นวันรุ่งขึ้น นางมารดาบริโภคอาหารแล้ว ก็ให้ลูกกินนม อาบน้ำ จูบศีร์ษะ แล้วก็แบกย่ามขึ้นบ่า ปล่อยโคกระบือ แล้วก็ตามไปเลี้ยงในที่ซึ่งบริบูรณ์ด้วยหญ้า ส่วนพระโพธิสัตว์ออกจากสุวรรณศีร์ษะ กวาดเรือน หุงเข้า ต้มแกง ตักน้ำไว้ท่ามารดา แล้วกลับเข้าไปในศีร์ษะดังเก่า เวลาเย็น นางมารดาต้อนโคมาเข้าคอกแล้วก็ขึ้นเรือน ปลดย่ามลงจากบ่า เห็นเข้าแกงน้ำท่าบริบูรณ์ ก็พิศวงในใจว่า น่าอัศจรรย์หนอ สิ่งที่ไม่เคยมีก็มามีขึ้น ใครหนอมาจัดแจงตกแต่งไว้ให้เรา คิดแล้วก็นั่งกินเข้า เสร็จแล้วเข้าไปในห้อง นั่งลงเหนือที่นอน แล้วก็ยกศีร์ษะบุตร์ขึ้นวางไว้บนตัก กล่าวคำเปนที่รัก ถามปิยบุตร์ว่า พ่อลูกรัก ใครหนอมาจัดแจงตกแต่งอาหารไว้ให้แม่ เจ้ารู้หรือไม่ พระโพธิสัตว์ฟังมารดาถาม จึงตอบว่า ไม่มีใครคนอื่นมาจัดแจงตกแต่งอาหารไว้ให้แม่ ลูกได้จัดแจงไว้ให้แม่เอง นางมารดาได้ฟังก็ดีใจจึงปลอบถามว่า พ่อลูกรัก เจ้าไม่มีกาย มีแต่หัวเท่านั้น มือเท้าก็ไม่มี ไฉนเจ้าจึงจัดแจงตกแต่งอาหารได้ ครั้นพระโพธิสัตว์ตอบว่า แม่จะต้องประสงค์กายไปทำอะไร นางก็พูดเล่นหัวกับบุตร์ แล้วก็นอนหลับไป

ปุนทิวเส ครั้นวันรุ่งขึ้นอีก พระโพธิสัตว์จึงบอกแก่มารดาว่า ข้าแต่แม่ ลูกได้เห็นแม่ได้รับทุกข์ลำบากนัก ลูกจะไปเลี้ยงโคให้แต่เช้า แม่จงอยู่บ้านเถิด ครั้นแม่ถามว่า ลูกรัก เจ้าไม่มีกาย มีแต่ศีร์ษะ จะไปเลี้ยงโคอย่างไรได้ จึงตอบว่า ถ้าแม่ยอม ก็จงเอาลูกวางลงในถาดไม้ พาลูกไปวางไว้ตามโคนไม้ที่มีหญ้าเถิด นางแม่เชื่ออานุภาพของพระโพธิสัตว์ จึงรับคำว่า ดีแล้ว พระโพธิสัตว์ทราบว่าแม่ยอม ก็ดีใจ จึงบอกว่า