หน้า:ปัญญาส (๑๔) - ๒๔๗๐.pdf/13

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
8
ปัญญาสชาดก

ขึ้นแก่แม่แล้ว ถ้าพ่อไปค้าเสีย ใครจะช่วยบันเทาความเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจให้แม่เล่า เจ้าทำทุกข์ให้เกิดแก่แม่เปนอันมาก นางกล่าวเช่นนี้แล้ว ก็วิลาปคร่ำครวญร้องไห้ กอดลูกรักไว้ แล้วจูบกระหม่อมจอมเกล้า

ครั้นวันที่เจ็ด พวกพ่อค้าห้าร้อยก็ตระเตรียมสินค้าพากันลงเรือ เพราะฉนั้น พระโพธิสัตว์จึงอ้อนวอนมารดาว่า แม่จงพาลูกไปหาพวกพ่อค้า เอาลูกกับทองมอบให้เขาเถิด นางมารดาไม่สามารถห้ามได้ ก็ไปหาพวกพ่อค้าทั้งหลาย ด้วยอานุภาพของพระโพธิสัตว์ พอพวกพ่อค้าเห็นหน้ามารดาพระโพธิสัตว์ ก็เกิดความโสมนัสอย่างยิ่ง มีความปีติปราโมทย์ดุจดังเห็นญาติของตนที่พลัดพรากจากกันไปนาน จึงไต่ถามว่า แม่มาแต่ที่ไหน ครั้นนางบอกว่า มาจากบ้านโน้น แล้วจึงถามต่อไปว่า แม่มาธุระอะไร นางบอกว่า ลูกเขาใช้ให้มา พวกพ่อค้าจึงถามว่า ลูกเขาใช้ให้มาทำไม นางจึงบอกว่า ลูกของข้าอยากจะไปค้ากับด้วยท่านทั้งหลาย พวกพ่อค้าถามว่า ลูกของแม่อายุเท่าใด ครั้นนางบอกว่า ๗ ปี จึงทักท้วงว่า แม่มหาจำเริญ ลูกของแม่ยังเด็กนัก ยังขลาดมาก ไปเห็นเต่าปลาตัวใหญ่ ๆ ในทะเลเข้า ก็จักตกใจร้องไห้ แท้จริงมหาสมุทร์นั้นกว้างใหญ่ น่ากลัว แลไม่เห็นฝั่ง นางมารดาพระโพธิสัตว์ก็วิงวอนไปถึงสองครั้งสามครั้ง ครั้นพวกพ่อค้าถามถึงชื่อลูก นางก็กล่าวว่า ลูกของข้าไม่มีกาย มีแต่หัว เพราะฉนั้น ก็ต้องชื่อว่า สุวรรณสิรสา พวกพ่อค้าได้ฟังดังนั้นก็ตบมือหัวเราะเยาะเย้ยแล้วกล่าวว่า ลูกของแม่ไม่มีกาย มีแต่หัว จักไปค้าขายอย่างไรได้ นางได้ฟังแล้วก็เสียใจยืนร้องไห้อยู่ พวกพ่อค้าเห็นนางร้องไห้ก็มีความ