หน้า:ปัญญาส (๑๔) - ๒๔๗๐.pdf/33

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
28
ปัญญาสชาดก
อุปาหนา จ ธารย สุวณฺเณหิ อลงฺกตา
สิริยา ชลนฺโต โส ขตฺตสํฆปริพฺยุฬฺโห
สกฺโก ยถา อจฺฉราหิ เทเวหิ จ ปริวุโต ฯ

แปลว่า พระเจ้าพรหมทัต ครั้นได้ฟังกราบทูลว่า เตรียมพร้อมแล้ว ก็เสด็จขึ้นทรงม้าสินธพ มีหมู่พระสนมกำนัลในพระราชฐานห้อมล้อมตามไปทั้งหมด พร้อมด้วยเครื่องประดับพระราชอิศริยยศ คือ พัดวาลวิชนี พระมหามงกุฎ พระขรรค์ เศวตฉัตร์ ฉลองพระบาททอง มีหมู่กษัตริย์แวดล้อม รุ่งเรืองไปด้วยพระสิริ ดุจดังสมเด็จอมรินทร์อันมีหมู่นางเทพอับสรแลทวยเทพแวดล้อมเปนบริวาร พระเจ้าพรหมทัตเสด็จทรงม้ามงคลสินธพ เสด็จไปตามราชวิถีด้วยพระยศอันยิ่งใหญ่ งามด้วยพระสิริวิลาสอันไพศาล เสด็จเข้าสู่สวนอุทยาน ทรงประพาสแลมีมหรศพอย่างสนุกสนาน

ส่วนพระโพธิสัตว์กับนางสุวรรณคันธามิได้ตามเสด็จ เหลืออยู่ปราสาทแต่สองคน นางสุวรรณคันธาก็นั่งร้องไห้รำพรรณบ่นว่า พระราชบิดาเสด็จไปชมสวนด้วยประชาชนแลราชวงศ์นักสนม มิได้เหลือใครไว้ เสด็จไปทรงประพาสสำราญ เหลือเราผู้เดียวมิได้ไปเที่ยวสวนอุทยาน เพราะอายเพื่อนฝูง ด้วยมีผัวมิได้มีรูปกาย ถ้าผัวเรามีอินทรีย์บริบูรณ์ มีรูปกายเต็ม ก็จะได้ตามเสด็จพระราชบิดาด้วยยานช้างยานม้า ส่วนเราก็จะได้ตามเสด็จพระบิดาด้วยเหล่านางกุลกุมารีที่เปนบริวาร เดี๋ยวนี้หมดทางที่จะได้ไป พระโพธิสัตว์เห็นนางร้องไห้จึงถามว่า เจ้า