หน้า:ปัญญาส (๑๔) - ๒๔๗๐.pdf/38

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
33
๔๘ สุวรรณสิรสาชาดก

ฟังรับสั่งก็พิศวงหลงไหล จึงกราบทูลว่า ข้าพระบาททั้งหลายมิได้ทราบ พระเจ้าพรหมทัตได้ทรงฟัง ก็ยิ่งสดุ้งตกพระทัย ทรงรำพรรณว่า ชีวิตของเราไม่มีสืบไปอีกแล้ว ครั้นชนทั้งหลาย มีปโรหิตเปนต้น ทูลความว่า ไฉนจึงตรัสดังนั้น พระองค์จึงทรงเล่าเรื่องตามที่เปนมา แล้วตรัสว่า เมื่อเราทั้งหลายไม่รู้อธิบายของปัญหาเหล่านี้แล้ว แว่นแคว้นของเราก็จะพินาศ ตรัสแล้วจึงทรงประกาศต่อไปว่า ดูกรท่านทั้งหลาย ภายใน ๗ วันนี้ ถ้าคนพวกใดไม่รู้เนื้อความของปัญหาเหล่านี้ ชนพวกนั้นจะไม่รอดชีวิต ชนทั้งหลายที่เฝ้าอยู่ได้ฟังพระราชดำรัส ต่างก็กลัวตาย คนใดคนหนึ่งก็ไม่กล้าปริปาก ต่างก้มหน้านิ่งอยู่ ปโรหิตจึงกราบทูลว่า ขอเดชะพระองค์ผู้เปนมหาราช ขอให้ชนทั้งหมดนี้รับพิจารณาคนละปัญหา ครั้นพระเจ้าพรหมทัตตรัสตอบชอบ จึงพากันนั่งคิดอธิบาย ก็มิได้แลเห็น จนถึงเวลาอัสดงคต ก็ไม่มีใครกล้าจะลุกจากที่นั่งพิจารณาอยู่โดยขะมักเขม้น พอล่วงปฐมยาม พระเจ้าพรหมทัตก็ทรงพระแสงขรรค์เสด็จออกมาตรัสถามว่า ท่านทั้งหลาย ใครคิดอธิบายปัญหาอะไรได้บ้าง ครั้นได้ทรงฟังว่า ยังไม่มีใครคิดได้ พระองค์ก็ทรงขู่คาดโทษว่า ถ้าท่านทั้งหลายคิดไม่ไ ด้เราจะตัดศีร์ษะด้วยพระขรรค์ ชนทั้งหลายก็ยกมือประนมเหนือเศียร แล้วก็พากันนั่งนิ่งอยู่ พระเจ้าพรหมทัตก็เสด็จกลับเข้าข้างใน พอล่วงมัชฌิมยามแลปัจฌิมยาม ก็เสด็จออกมาตรัสถามเช่นนั้นอีก แต่ทำอยู่อย่างนี้ตั้งแต่วันที่สองจนถึงวันที่ห้า ก็ยังไม่มีใครรู้เห็น พอล่วงไปห้าวัน ถึงวันที่หก เพลาเช้า พระเจ้าพรหมทัตเสด็จประทับบนสีหาส์น หมู่อำมาตย์