หน้า:ปัญญาส (๑๔) - ๒๔๗๐.pdf/39

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
34
ปัญญาสชาดก

เสนาบดีปโรหิตพราหมณ์เปนประมุขหมอบเฝ้าอยู่พร้อมพรั่ง จึงมีพระราชดำรัสว่า ดูกรท่านทั้งหลาย อย่าได้ประมาทเลย รุ่งพรุ่งนี้ แว่นแคว้นก็จักพินาศ เราจะทำลายศีร์ษะให้ถึงแก่ความตาย หมู่อำมาตย์ราชปโรหิตแลนางนักสนมทั้งหลายได้ฟังตรัส ก็พากันร้องไห้เสียงระเบงเซงแซ่ไป พระเจ้าพรหมทัตทรงเห็นการวิปริตดังนั้น ก็เสด็จลุกจากราชอาสน เสด็จเข้าสู่ปราสาท รับสั่งให้พานางพิมพาเทวีมา แล้วจึงตรัสว่า ดูกรนางผู้เจริญ อำมาตย์ราชปโรหิตเปนต้นสักคนหนึ่งก็ไม่มีใครคิดอธิบายปัญหาเหล่านี้ได้ ก็จะป่วยกล่าวไปใยถึงที่จะมายืนแก้ไขในอากาศ ที่พึ่งอื่นของเราไม่มีแล้ว ในคลังของเรายังมีเงินแลทองเปนต้นอยู่มาก เราจักให้ทาน เพราะทานเปนที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในอนาคต เราบริจาคทานแล้ว พรุ่งนี้ก็จักตาย นางพิมพาเทวีได้ฟังพระราชสามีตรัส ก็บังเกิดความโศกเข้าครอบงำ ทรงรำพรรณปริเทวนาการ ครั้นค่อยได้สติแล้ว จึงทูลว่า ขอเดชะพระองค์ผู้เปนสมมติเทวดา สุวรรณสิรสากุมาร สามีของเจ้าสุวรรณคันธา เปนคนมีบุญมากอยู่ เห็นจะฉลาดสามารถทราบอธิบายปัญหานี้ได้ ถ้ามีปัญญาน้อย ไฉนจักสร้างสพานเงินสพานทองได้ ควรพระองค์จะรับสั่งให้หามาถามดู พระเจ้าพรหมทัตได้ทรงฟัง ก็ค่อยได้พระสติ ทรงระบายลมอัสสาสปัสสาสคล่องขึ้น ครั้นรุ่งเช้า จึงสั่งนางสาวใช้ให้ไปตามสุวรรณสิรสากุมารมาณบัดนี้ นางสาวใช้รับสั่งแล้ว ก็ถวายบังคมลามายังปราสาทนางสุวรรณคันธา ทำความเคารพ แล้วก็เล่าเหตุทั้งปวงให้ฟัง พระโพธิสัตว์ได้ฟังแล้วก็บอกนางสุวรรณคันธาว่า น้องรัก พระบิดารับสั่งให้หาพี่ เจ้าจงเอาพี่ใส่ในภาชนะทองพาพี่ไปเฝ้า