ครั้นต่อมา มีตราโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม เป็นแม่ทัพใหญ่คุมนายทัพนายกองขึ้นมาตีทัพ ตั้งกองอยู่ณเมืองหนองคาย พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ข้าหลวงต่างพระองค์ผู้สำเร็จราชการมณฑลลาวพวน[1] จึงมีตราเกณฑ์เอาช้างม้าโคต่างเมืองยโสธไปเข้ากระบวนทัพณเมืองหนองคาย พระสุนทรฯ เจ้าเมือง อุปฮาด ราชวงศ์ ราชบุตร พระศรีวรราช ท้าวเพี้ยกรมการ จึงจัดช้าง แต่งให้ท้าวโพธิสาร (เพ็ด) บุตรพระสุนทรฯ คนเก่า เป็นนายคุมเอาช้างขึ้นไปเข้ากองทัพพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ข้าหลวงต่างพระองค์ผู้สำเร็จราชการมณฑลลาวพวนณเมืองหนองคาย พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม และแม่ทัพนายกอง ปราบปรามอ้ายฮ่อมีชัยชะนะเสร็จแล้ว ครั้นถึงปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ พระสุนทรฯ เจ้าเมือง เห็นว่า ราชวงศ์ (แก่) เป็นผู้ใหญ่ และควรได้สัญญาบัตร ทั้งมีความชอบ กับได้ให้ท้าวฮู่ ผู้บุตรอุปฮาด (แข้) ไปส่งเข้าลำเลียงกองทัพฮ่อครั้งพระยาราชวรานุกูล พระสุนทรฯ
- ↑ มณฑลลาวพวน เมื่อจัดการปกครองแบ่งเป็นมณฑลขึ้นครั้งแรก เรียก มณฑลอุดร ว่า มณฑลลาวพวน เรียก มณฑลอิสาณ ว่า มณฑลลาวกาว และเรียก มณฑลนครราชสีมา ว่า มณฑลาวกลาง ครั้นต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น มณฑลอุดร มณฑลอิสาณ และมณฑลนครราชสีมา รวมเรียกชาวแถบนี้ว่า ลาวพุงขาว เพราะไม่ได้สักพุง.