พระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินครั้นตรัศทราบดังนั้นก็เคืองพระไทย ฝ่ายพระยารามแจ้งดังนั้น กลัวพระมหาธรรมราชาจะส่งตัวไปหงษาวดี ก็ทูลแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินว่า ข้าพเจ้าได้ฟังซึ่งกิจการในเมืองพระพิศณุโลกนั้นว่า พระมหาธรรมราชาคิดการทั้งปวงเปนฝ่ายข้างพระเจ้าหงษาวดี แลเอาเมืองเหนือทั้งปวงไปขึ้นแก่พระเจ้าหงษาวดีแล้ว บัดนี้ จะย้ายเอาท้าวพระยาผู้ใหญ่ในพระนครไปยังหงษาวดีเล่า แลซึ่งพระมหาธรรมราชาบังคับบัญชาพระองค์ลงมาเปนสิทธิดังนี้ ข้าพเจ้าเห็นมิควร ถ้าแลศึกหงษาวดีมาถึงพระนครก็ดี ข้าพเจ้าขอประกันการตกแต่งป้องกันพระนครไว้ให้ได้ สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินก็เห็นชอบด้วย ก็บัญชาโดยพระยาราม.
๏สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินแลพระยารามก็เอายุบลคดีซึ่งคิดทั้งปวงนั้นกราบทูลแก่พระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือก แล้วอัญเชิญพระองค์ลาพระผนวชออกมาครองราชสมบัติ พระเจ้าช้างเผือกก็มิได้รับ จึงสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินแลพระยารามก็ทูลวิงวอนเปนหลายครั้งว่า บัดนี้ ไภยจะมาถึงประชาราษฎรทั้งปวงแล้ว ขอทรงพระกรุณาเสด็จมาครองราชสมบัติเอาอาณาประชาราษฎรทั้งหลายไว้ให้รอด พระเจ้าช้างเผือกก็ตรัศบัญชาตามสมเด็จพระโอรสาธิราชกราบทูลนั้น จึงเสด็จลาพระผนวชในเดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ ศักราช ๙๑๖ ปีขาล ฉศก.