ดีนัก จึงค่อยคิดอ่านกันไปใหม่ จะเกรงอะไรแก่กองทัพไทยเท่านี้ แล้วเจ้าเมืองเมาะตมะแต่งกองทัพโจรกองละสองร้อยสามร้อยให้เที่ยวเปนเสือป่า ถ้าเห็นไทยออกเที่ยวท่องหากินแลเกี่ยวเข้าก็ให้ลอบฆ่าตี พอจับได้ก็ให้จับตัวมา ถ้าเห็นทำได้จึงให้ทำ ถ้าเห็นทำมิได้อย่าให้ทำ สุดแต่อย่าให้เสียที กองรามัญทั้งปวงแจ้งกำหนดดังนั้นแล้วก็ข้ามไปซุ่มอยู่ในป่าใกล้นา ครั้นเห็นไทยออกเกี่ยวเข้าก็ลอบยิงลอบแทง แต่ทำดังนี้เนือง ๆ นายทัพนายกองทั้งปวงก็เอาเหตุไปแจ้งแก่เจ้าพระยาจักรี ๆ เห็นมอญกลับเปนกระบถทำการกำเริบหนักขึ้น ก็บอกหนังสือเข้ามากราบทูลเสร็จสิ้นทุกประการ เสนาบดีก็นำเอาหนังสือบอกเจ้าพระยาจักรีขึ้นกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทราบก็ทรงพระโกรธตรัศว่า เจ้าพระยาจักรีเปนผู้ใหญ่ ก็เคยทำศึกสงครามมา ยังว่าจะไปตีเอาเมืองเล่า นี่ก็หาได้ตีไม่ เจ้าเมืองเมาะลำเลิ่งเข้าสวามิภักดิ์ขอกองทัพออกไปรักษาเมือง ไพร่บ้านพลเมืองก็ปรกติอยู่สิ้น ฝ่ายเมืองเมาะตมะ เมืองละเคิ่ง เมืองบัวเผื่อน เมืองพสิม เมืองขะลิก เมืองตองอู เล่า ก็มาอ่อนน้อม ควรฤๅให้เปนได้ถึงเพียงนี้ ประการหนึ่ง เมืองเมาะลำเลิ่งก็อยู่ฟากตวันออก เหมือนอยู่ในกำมือ ก็ยังให้หลีกหนีไปได้ด้วยเล่า ทำศึกดุจทารกอมมือ ครั้นจะให้ฆ่าเสียก็เสียดายคมหอกดาบ ตรัศเท่าดังนั้นก็สั่งให้มีตราตอบภาคโทษออกไปว่า เจ้าพระยาจักรีจะตีเอาเมืองเมาะตมะได้ฤๅมิได้ ถ้าเห็นมิได้ให้รักษาแต่ค่ายเมาะลำเลิ่งไว้ให้มั่น ทัพหลวงเสด็จพระราชดำเนินออกไปถึงจึงจะตีเอาเมืองเมาะตมะทีเดียว ผู้ถือหนังสือก็กลับไปแจ้งแก่เจ้าพระยาจักรีทุกประการ
หน้า:พงศาวดาร (หัตถเลขา) - ๒๔๕๕ (๑).djvu/270
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๐๗