มั่นคง ครั้นเพลาชายสามโมงเศษ จุดเพลิงเผาศพเสร็จแล้ว ได้อุดมฤกษเวลา เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์ก็ลงเรือพร้อมด้วยเรือขุนนางทั้งปวงสักร้อยลำ คนประมาณสามพันเศษ สรรพด้วยเครื่องสาตราาวุธ ล่องมาขึ้นประตูไชย วันนั้นเปนเสารวาร เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์ใส่เสื้อดำกางเกงดำขี่ม้าดำ ขุนนางแลไพร่ตามมาเปนอันมาก ครั้นถึงน่าพระกาล จึงลงจากม้า ตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ข้าพเจ้าปราถนาพระโพธิญาณ ถ้าจะสำเร็จแก่พระพุทธสมบัติเปนแท้ จะยกเข้าไปล้างผู้อาสัตย์ ขอให้สำเร็จดังปราถนา เสร็จอธิษฐานแล้ว เพลาพลบค่ำ จึงมาตั้งชุมพลอยู่ณวัดสุทธาวาศ ครั้นเพลา ๘ ทุ่ม นั่งคอยฤกษ์พร้อมกัน เห็นพระสาริริกธาตุเสด็จมาแต่ปัจจิมทิศผ่านไปปาจิณทิศ ได้นิมิตรเปนมหามงคลฤกษ์อันประเสริฐ ก็ยกพลมาเข้าประตูมงคลสุนทร ให้ทหารเอาขวานฟันประตูเข้าไปได้ ด้วยเดชะกฤษฎาภินิหารใหญ่ยิ่ง หามีผู้ใดจะออกต่อต้านมิได้ ก็กรูกันเข้าไปถึงท้องสนามใน ข้าหลวงเดิมซึ่งนอนเวรประจำซองร้องกราบทูลเข้าไปว่า เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์ยกเข้ามาได้แล้ว พระเจ้าแผ่นดินได้ฟัง ตกพระไทยนัก มิได้คิดอ่านที่จะต่อสู้ ออกจากพระราชวังกับพวกข้าหลวงเดิม ลงเรือพระที่นั่งหนีไป เจ้าพระยากลาโหมเข้าในพระราชวังได้ รู้ว่า พระเจ้าแผ่นดินหนี จึงสั่งให้พระยาเดโช พระยาท้ายน้ำ ไปตามแต่ในเพลากลางคืนวันนั้น รุ่งขึ้นเช้า พระยาเดโช พระยาท้ายน้ำ ทันพระเจ้าแผ่นดินณปากโมกน้อย ล้อมจับมาได้ เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์สั่งให้เอาไปสำเร็จโทษตามประเพณีกระษัตริย์ พระเชษฐาธิราชอยู่ในราชสมบัติปีหนึ่งกับเจ็ดเดือน.
หน้า:พงศาวดาร (หัตถเลขา) - ๒๔๕๕ (๑).djvu/327
หน้านี้ได้ตรวจสอบแล้ว
๒๖๔