หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๕๐

 ลุศักราช ๙๐๘ ปีมเมีย อัฐศก เสด็จไปวังช้างป่าเพ็ชรบุรี ได้ช้างเผือกพลาย สูงสี่ศอกเศษ ให้ชื่อ พระแก้วทรงบาศ แลในเดือนสิบ ปีมเมียนั้น เสด็จไปได้ช้างเผือกตำบลป่ามหาโพธิ ลูกเปนเผือก พังแม่ก็เปนเผือก

 ศักราช ๙๐๙ ปีมแม นพศก เสด็จไปได้ช้างป่าชเลชุบศร เปนเผือกพลาย สูงสี่ศอก ห้านิ้ว ช้างหนึ่ง ให้ชื่อ พระบรมไกรสร ครั้นณเดือนอ้าย ปลายปี เสด็จไปได้ช้างเผือกพลายตำบลป่าน้ำทรง สูงสี่ศอกคืบ ให้ชื่อ พระสุริยกุญชร ครั้งนั้น พระนครศรีอยุทธยาไพศาลสมบูรณ์ ด้วยมีช้างเผือกพลายพังถึงเจ็ดช้าง พระเกียรติยศปรากฎไปนานาประเทศทั้งปวง มีกำปั่นลูกค้าฝรั่งเศส เมืองอังกฤษ เมืองวิลันดา เมืองสุรัส แลสำเภาจีน เข้ามาค้าขายเปนอันมาก สเมด็จพระสังฆราช พระราชาคณะ แลเสนาพฤฒามาตย์ราชปโรหิต ถวายพระนามพระเจ้าแผ่นดินเพิ่มเข้าว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือก กฤติศัพท์ฦๅไปถึงกรุงหงษาวดีว่า พระนครศรีอยุทธยามีช้างเผือกถึงเจ็ดช้าง สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีมีพระไทยจะใคร่ได้สักสองช้าง จึงมีพระราชสาสนแต่งให้สมิงโยคราชกับไพร่ร้อยหนึ่งถือมาพระนครศรีอยุทธยา มุขมนตรีนำเฝ้า แลในลักษณนั้นว่า พระราชสาสนสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีผู้มีมเหศวรศักดานุภาพปราบบุรราชธานีน้อยใหญ่ให้ปราไชยไปทั่วทศทิศ อันท้าวพระยาสามนตราชโอนโมลิสนอบน้อมถวายสุวรรณหิรัญบุบผาบรรณาการจะนับมิได้ ขอจำเริญทางพระราชไมตรีมายังสมเด็จพระเชษฐาธิราชผู้ผ่านพิภพกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยา ด้วยแจ้งกฤติศัพท์ขึ้นไปว่า สมเด็จพระเชษฐาเราประกอบด้วยบุญญาธิการเปนอันมาก