หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๗๘

แต่มุมศาลหลวงมาพระราชวัง แต่พระราชวังไปถึงขื่อน่า พระยาธรมาเปนนายกอง ถือพลทหารในทั้งปวงรักษาน่าที่.

 ฝ่ายพระเจ้าหงษาวดียกทัพมาถึงกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาณวัน ค่ำ ตั้งทัพมั่นณตำบลลุมพลี จึงพระยารามก็ให้เอาปืนนารายน์สังหารยาว ๓ วาศอก กระสุน ๑๒ นิ้ว ลากไปตั้งในช่องมุมศพสวรรค์ ให้จังกายิงเอากลางทัพพระเจ้าหงษาวดี ต้องช้างม้ารี้พลตายมาก กระสุนนั้นไปตกใกล้พลับพลาพระเจ้าหงษาวดี พระเจ้าหงษาวดีก็ให้เอากระสุนขึ้นสรวงพลี แล้วก็เสด็จเลิกกองทัพมาตั้งณมหาพราหมณ์ พอทัพบกทัพเรือถึงพร้อม จึงพระเจ้าหงษาวดีก็ตรัศกำหนดให้ทัพทั้งปวงเข้าล้อมพระนคร ในขื่อน่าทิศบูรพ์ไซ้ ทัพพระมหาอุปราชาแลทัพพระมหาธรรมราชา ทัพพระเจ้าอังวะไปตั้งข้างทักษิณ ทัพพระยาทะละ แลเจ้าฟ้าไทยใหญ่ แลพระยาแสนหลวงชาวเชียงใหม่ ไปตั้งข้างปัจจิมทิศ ทัพพระยาพสิม แลทัพพระยาตองอู ทัพพระยาอไภยคามินี พระยาลาวเจ้าเมืองเมาะตะมะ พระยาพะตะบะ พะตะเบิด ตั้งทิศอุดร ฝ่ายทัพหลวงก็ยกเข้าไปตั้งณวัดมเหยงค์ แลทัพอันล้อมพระนครทั้ง ๔ ด้านนั้น เมื่อแรกยกเข้าล้อมนั้น ตั้งไกลริมน้ำออกไปประมาณ ๓๐ เส้น แลเอาไม้ตาลเปนค่ายพูนดินกันปืนใหญ่กว่าจะตั้งค่ายมั่นลงได้ ชาวพระนครวางปืนใหญ่ออกไป ต้องพลพระเจ้าหงษาวดีตายมากนัก ครั้นตั้งค่ายมั่นกันปืนใหญ่ได้แล้วประมาณ ๑๐ วัน ก็ยกเข้ามาตั้งค่ายอิกชั้นหนึ่ง ห่างค่ายเดิม ๑๐ เส้น ยังประมาณ ๒๐ เส้นจะถึงริมน้ำ ชาวพระนครแต่งพลอาสาออกมาทลวงฟัน แล้ววางปืนใหญ่ออกไปต้องพลพระเจ้าหงษาวดีเมื่อตั้งค่ายนั้นตายมากนัก