หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๘๔

กลับไป พระมหาอุปราชา พระเจ้าอังวะ พระเจ้าแปร ยิ่งเกรงพระราชอาชญา จึงดำริห์ให้เอาไม้โตนดทำทุบทูบังพลขนมูลดินเข้าไปถมถนน ชาวพระนครก็วางปืนใหญ่ออกมาทำลายทุบทู พลล้มตายเปนอันมาก ผู้ตรวจการเห็นดังนั้น ก็ไปกราบทูลสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีทุกประการ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีจึงตรัศถามผู้ตรวจการว่า พลแบกมูลดินตายลงคนหนึ่ง จะเปนมูลดินสักกี่ก้อน ผู้ตรวจการทูลว่า คนตายคนหนึ่งเปนมูลดินประมาณเจ็ดก้อนแปดก้อน พระเจ้าหงษาวดีตรัศมา เอาเถิด จงไปบอกเจ้าน่าที่ให้เร่งพลขนมูลดินถมถนนเข้าไป อย่าให้ขาดได้ ผู้ตรวจการก็มาทูลพระมหาอุปราชา พระเจ้าอังวะ พระเจ้าแปร ตามรับสั่งทุกประการ พระมหาอุปราชา พระเจ้าอังวะ พระเจ้าแปร ก็เร่งให้พวกพลทั้งปวงขนมูลดินเข้าไปถมถนนทั้งสามตำบลมิได้ขาดทั้งกลางวันกลางคืน พวกพลซึ่งต้องขนมูลดินต้องปืนตาย ก็ให้ทิ้งลงไปทั้งก้อนดินแลอาศพด้วยกัน แลการพูนถนนนั้นถึงสามเดือนจึงถึงฟากกำแพงพระนคร.

 ฝ่ายพระยาราม พระยากระลาโหม พระมหาเทพ เห็นเชิงศึกแหลมเข้ามา ก็ให้ตั้งค่ายในกำแพงพระนครชั้นหนึ่งเปนวงพาด เอาปืนใหญ่มณฑกมาตั้งดาไว้ณน่าค่ายนั้น ฝ่ายพลอันอยู่น่าที่กำแพงเชิงเทินนั้นก็ยังรบพุ่งป้องกันอยู่ พระเจ้าหงษาวดีให้ยกพลเข้ามาโดยถนนมุมเกาะแก้ว แล้วเอาทัพเรือมากระหนาบ เอาปืนจ่ารงค์มณฑกนกสับยิงแย้งระดมเจ้าน่าที่ดังห่าฝนชิงเอามุมเกาะแก้วนั้น ชาวทหารอาสาซึ่งอยู่น่าที่มุมเกาะแก้วนั้นจะยิงรบพุ่งป้องกันมิได้ ก็พ่ายลงมายังค่ายซึ่งตั้งไว้นั้น ชาวหงษาวดีรุกเข้ามาทลายกำแพงมุมเกาะแก้วได้ ขณะนั้น