หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๙๒

 ฝ่ายผู้ถือศุภอักษรไปพบกองทัพพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตณเมืองเพ็ชรบูรณ์ เสนาบดีนำเข้าเฝ้าทูลข้อความตามศุภอักษรทุกประการ พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตแจ้ง มิได้มีวิจารณญาณ สำคัญว่าจริง ดีพระไทย ก็ยกกองทัพรุดรีบลงมาเมืองสระบุรีถึงตำบลหมากสองต้น กองทัพยังมิทันพร้อม พระมหาอุปราชาก็กำหนดให้ทหารเข้าโจมตี กองทัพกรุงศรีสัตนาคนหุตไม่ทันรู้ตัว ก็แตก รี้พลเจ็บป่วยล้มตายเปนอันมาก พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตก็ขึ้นช้างหนีไป กองทัพพระมหาอุปราชาไล่ติดตามไป ได้ช้างม้าเปนอันมาก จับพลลาวเปนได้ประมาณร้อยเศษ แล้วยกลงมาเฝ้าพระเจ้าหงษาวดี ทูลซึ่งได้ไชยชำนะ แล้วถวายช้างม้ากับเชลยชาวล้านช้างซึ่งได้มานั้น พระเจ้าหงษาวดีดีพระไทย จึงให้ปล่อยชาวล้านช้างเข้าไปแจ้งเหตุทั้งปวงในพระนคร ฝ่ายพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงแจ้งว่า เสียทัพกรุงศรีสัตนาคนหุต ก็เศร้าใจ พระเจ้าหงษาวดีก็คิดซี่งจะหักเอาพระนครให้ได้.

 ฝ่ายสมเด็จพระมหาธรรมราชา ครั้นเวลาค่ำ จึงให้หาพระยาจักรีซึ่งพระเจ้าหงษาวดีได้ขึ้นไปครั้งพระราเมศวรนั้นมาเฝ้าแต่สอง ให้สาบาล แล้วจึงตรัศปฤกษาเปนความลับว่า แต่ก่อน ท่านกับเราก็เปนข้าพระเจ้าช้างเผือก ครั้งนี้ มาเปนข้าพระเจ้าหงษาวดีด้วยกัน ฝ่ายพระเจ้าช้างเผือกก็สวรรคตแล้ว ตัวเราก็ได้ทำความชอบ แต่ตัวท่านหามีความชอบสิ่งใดไม่ เราคิดจะให้ท่านมีความชอบไว้ต่อพระเจ้าหงษาวดี เราเห็นอุบายอันหนึ่งซึ่งจะเปนความชอบของท่านตราบเท่ากัลปาวสาน ถ้าท่านเปนใจด้วยแล้ว ก็จะได้เมืองโดยง่าย พระยาจักรีก็รับว่า จะสนองพระคุณไปกว่าจะสิ้นชีวิตร สมเด็จพระมหาธรรมราชาจึงเอาความลับ