หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๐๙

 ฝ่ายพระเจ้าหงษาวดีนั้นมิได้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม ดำริห์ว่า พระนเรศวรประกอบไปด้วยปัญญาหลักแหลมฦกซึ้ง ทั้งการสงครามก็องอาจกล้าหาญ นานไปเห็นจะเปนเสี้ยนหนามศัตรูต่อเมืองหงษาวดีเปนมั่นคง จำจะคิดเทครัวอพยพหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งปวงมาไว้เปนกำลังในเมืองหงษาวด็ การศึกพระนเรศวรก็จะถอยกำลังลง ครั้นดำริห์แล้ว จึงตรัศให้นันทสูกับราชสังครำถือพลหมื่นหนึ่งไปตั้งยุ้งฉางอยู่ณเมืองกำแพงเพ็ชร นันทสูกับราชสังครำก็ยกไปตั้งทำการอยู่ณเมืองกำแพงเพ็ชรตามรับสั่ง ฝ่ายพระเจ้าหงษาวดีก็คิดเปนอุบายให้มีศุภอักษรออกไปถึงพระนเรศวรว่า บัดนี้ กรุงรัตนบุรอังวะเปนขบถแขงเมืองต่อพระนครหงษาวดี ให้เชิญพระนเรศวรยกมาช่วยการสงครามตีกรุงรัตนบุรอังวะ สมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าแจ้งดังนั้น สำคัญว่าจริง ก็เสด็จลงไปทูลลาสมเด็จพระราชบิดา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็บัญชาตาม สมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าก็กราบถวายบังคมลาขึ้นมายังเมืองพระพิศณุโลก จึงกำหนดให้ตรวจเตรียมพลสกรรจ์ลำเครื่องแสนหนึ่ง ช้างเครื่องแปดร้อย ม้าพันห้าร้อย ไว้ให้พร้อม ณวัน ค่ำ ปีฉลู สัปตศก เพลา ๑๑ ทุ่ม ๙ บาท กอประด้วยเพ็ชรฤกษ์ เสด็จทรงพระคชาธารพร้อมด้วยพยุหแสนยากร ทอดพระเนตรเห็นพระสาริริกบรมธาตุเสด็จปาฏิหารแต่บุรพทิศผ่านพระคชาธารไปโดยปัจฉิมทิศเท่าผลมะพร้าวปอกแล้ว จึงเสด็จยาตราทัพหลวงออกไปโดยประตูไชยแสน ไปถึงตำบลวัดยมท้ายเมืองกำแพงเพ็ชร เวลาบ่าย ๕ โมง เกิดวาตพยุฝนห่าใหญ่แผ่นดินไหวเปนอัศจรรย์ ครั้นรุ่งขึ้น ก็ยกทัพหลวงเสด็จไปถึงเมืองกำแพงเพ็ชร