หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๑๔

ก็กราบทูลว่า ถึงมาทว่าพระเจ้าหงษาวดีจะยกพยุหแสนยากรมาสักเท่าใด ๆ ก็มิได้เกรง ข้าพเจ้ามีแต่ชีวิตร จะสนองพระคุณมิให้เคืองฝ่าพระบาท สมเด็จพระราชบิดากับสมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าดำริห์การกันเสร็จแล้ว จึงโปรดให้พระมหาเถรคันฉ่องอยู่วัดพระมหาธาตุเปนสมเด็จพระอริยวงษญาณปริยัติวราสังฆราชาธิบดี ศรีสมณุตมาบรินายก ติปิฎกธราจารย์ สฤษดิขัติยสารสุนทร มหาคณฤศรอุดรวามคณะสังฆารามคามวาสี สถิตย์อยู่ณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหารพระอารามหลวง ทรงถวายสัประทน กันชิง คานหามคนหาม จังหันนิจภัต เครื่องสมณบริขารต่าง ๆ แลซึ่งสมเด็จพระวันรัตนสังฆราชคามวาสีเดิมนั้น โปรดให้ว่าแต่คณะปักษ์ใต้เปนฝ่ายขวา แลคณะคามวาสีซึ่งแบ่งออกเปนสองคณะจำเดิมแต่นั้นมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ ฝ่ายพระยาเกียรติ์ พระยาพระราม ก็พระราชทานเจียดทอง เต้าน้ำทอง กระบี่บั้งทอง เงินตรา เสื้อผ้าพรรณนุ่งห่ม แลเครื่องอุปโภคบริโภคเปนอันมาก แลครอบครัวมอญซึ่งกวาดลงมานั้น ก็พระราชทานให้พระยาพระราม พระยาเกียรติ์ ควบคุมว่ากล่าวด้วย แลพระยาพระราม พระยาเกียรติ์ นั้น ให้อยู่ตำบลบ้านขมิ้นวัดขุนแสน ญาติโยมพระมหาเถรคันฉ่องนั้น ให้อยู่ตำบลบ้านหลังวัดนก แล้วสมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้ากราบถวายบังคมลาขึ้นมายังเมืองพระพิศณุโลก เสด็จเข้าไปถวายนมัสการพระชินราช พระชินสีห์ จึงทรงพระราชอุทิศศรัทธาเปลื้องเครื่องสุวรรณอลงการ์ขัติยาภรณ์ออกกระทำสักการบูชา แล้วเสด็จออกพร้อมด้วยมุขมาตยมนตรี.

 ขณะนั้น หลวงโกษาแลลูกขุนทั้งปวงผู้รักษาเมืองนั้นก็นำบันดานายไทยใหญ่เข้าเฝ้า จึงบังคมทูลว่า มีหนังสือนันทสู ราชสังครำ ซึ่งมา