หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๓๕

 ครั้นณวัน ค่ำ ฝ่ายสมเด็จพระราชบิดาเสด็จถึงบางพุทรา พระราชโอรสทั้งสองพระองค์มาเฝ้ากราบถวายบังคมทูลสร่ายเรื่องยุบลซึ่งได้รณรงค์ข้าศึกก็มีไชยชำนะถวายเสร็จสิ้นทุกประการ สมเด็จพระราชบิดาได้ทรงฟัง ก็ทรงพระโสมนัสยินดี เสด็จประทับแรมอยู่สองเวน ครั้นรุ่งขึ้นณวัน ค่ำ เวลาบ่ายสามโมง สมเด็จพระราชบิดาก็เลิกทัพคืนเข้าพระนครโดยชลมารค ครั้นณวัน ๑๐ ค่ำ กองทัพซึ่งไปตามพระเจ้าเชียงใหม่กลับมาถึง สมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้ากับสมเด็จพระอนุชาธิราชก็เลิกทัพเสด็จด้วยพระชลวิมานพร้อมด้วยดั้งกันนำตาม ครั้นถึงตำบลโพธิสามต้น ทอดพระเนตรเห็นเรือพระศรีสุพรรณมาธิราชกับเรือนายทัพนายกองเขมรทั้งปวงจอดอยู่ณฝั่งตวันตก แต่พระศรีสุพรรณมาธิราชนั้นถือตัวว่าเปนเจ้าผู้ใหญ่ มิได้หมอบ นั่งดูเสด็จอยู่ ก็ทรงพระพิโรธ ให้รอเรือพระที่นั่งไว้ แล้วดำรัศให้หลวงพิไชยบุรินทราตัดเอาศีศะลาวเชลยซึ่งจับได้นั้นไปเสียบไว้ตรงเรือพระศรีสุพรรณมาธิราช หลวงพิไชยบุรินทราก็ไปทำโดยรับสั่ง สมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้ากับสมเด็จพระอนุชาธิราชก็เสด็จคืนเข้าพระนคร ฝ่ายพระศรีสุพรรณมาธิราชเห็นดังนั้นก็น้อยพระไทย คิดอาฆาฏ มิได้ว่าประการใด ก็ล่องเรือมาที่อยู่.

 ครั้นรุ่งขึ้น สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพร้อมด้วยท้าวพระยาเสนาพฤฒามาตย์ทั้งปวง จึงดำรัศว่า ซึ่งพระยาแลวกให้พระศรีสุพรรณมาธิราชผู้เปนพระอนุชายกกองทัพเข้ามาช่วยงานพระราชสงครามจนเสร็จนั้น ขอบใจ ให้พระราชทานพานทองกับฉลองพระองค์อย่างเทศอย่างน้อย แลนายทัพนายกองเขมรทั้งปวงนั้นก็พระราชทานเสื้อผ้าโดย