หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๓๖

สมควร พระศรีสุพรรณมาธิราชกับพระยาพระเขมรทั้งปวงกราบถวายบังคมลา ก็เลิกทัพกลับไปพระนคร.

 ฝ่ายพระเจ้าเชียงใหม่แตกขึ้นไปเมืองกำแพงเพ็ชร ไปเฝ้าพระมหาอุปราชา แจ้งการซึ่งได้รบกับกองทัพพระนเรศวรจนแตกขึ้นมาเสร็จสิ้นทุกประการ พระมหาอุปราชาก็เสียพระไทย จึงแต่งทหารมอญออกก้าวสกัดต้นทางซึ่งพลชาวเชียงใหม่แตกกระจัดกระจายขึ้นมานั้นประมวญกันเข้าได้แล้ว ก็ให้พระเจ้าเชียงใหม่ตั้งอยู่ณเมืองกำแพงเพ็ชรด้วย แล้วบอกหนังสือส่งตัวพระยาอภัยคามินี ซักแซกยอถ่าง ซึ่งกำกับทัพพระเจ้าเชียงใหม่ ให้พละกำกองรีบไปณเมืองหงษาวดี พระมหาอุปราชาก็เกณฑ์กันให้รีบทำไร่นา ให้พระเจ้าเชียงใหม่ทำเรือกระจังเลาคา.

 ฝ่ายพระศรีสุพรรณมาธิราชนั้นคิดแค้นอยู่มิได้ขาด ครั้นไปถึงเมืองแลวก ขึ้นเฝ้ากราบทูลว่า ซึ่งรับสั่งให้ข้าพระบาทยกเข้าไปช่วยการสงครามพระนครศรีอยุทธยาครั้งนี้ ได้ความอัปรยศนัก ด้วยพระนเรศวรดูหมิ่นหยาบช้า ให้ตัดศีศะเชลยมาเสียบไว้ริมเรือตรงหน้าข้าพระบาท ความแค้นความอายปิ้มจะแลไม่เห็นฟ้าแลดิน พระยาแลวกแจ้งดังนั้น ก็ทรงพระโกรธ ตรัศว่า เราก็เปนกระษัตริย์ เขาก็เปนกระษัตริย์ มาดูหมิ่นกันดังนี้ ไหนกรุงกัมพูชาธิบดีกับกรุงศรีอยุทธยาจะเปนทางพระราชไมตรีกันสืบไปได้ ก็คอยหาโอกาสกลับคืนเปนปัจจามิตรสืบต่อไป.

 ฝ่ายพระเจ้าหงสาวดีทราบว่า พระเจ้าเชียงใหม่แตกขึ้นมาเสียไพร่พลมาก ก็ทรงพระโกรธ คิดจะเอาโทษก็เกรงจะเสียเขตรขัณฑเสมาเมืองลาว จึงตอบลงมาว่า ครั้งก่อน กำหนดให้พระเจ้าเชียงใหม่ยกไปบรรจบกับทัพพระยาพสิม ก็ไม่ทัน จนเสียทัพพระยาพสิมครั้งหนึ่งแล้ว