หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๕๒

พอกะทั่งกองน่าซึ่งตั้งอยู่ตำบลหนองสร่าย เสด็จประทับเกยใต้ฉายาไม้ประดู่ใหญ่อันสถิตเหนือจอมปลวก เอาเปนนิมิตรครุธนามไชยภูมิ สั่งให้เร่งตั้งค่ายกองน่าหลังปีกซ้ายขวาเปนขบวนประทุมพยุห

 ฝ่ายสมิงจคราน สมิงเป่อ สมิงทรายม่วน นายกองม้าคอยเหตุ เห็นกองทัพน่าแลทัพหลวงดังนั้น ก็ขับม้าวางใหญ่กลับไปค่ายพังตรุ เอาคดีนั้นทูลแด่พระมหาอุปราชาทุกประการ พระมหาอุปราชาแจ้งดังนั้น ก็ทรงพระดำริห์ว่า ชรอยจะเปนทัพพระนเรศวร มิดังนั้น จะเปนทัพเอกาทศรฐน้องชายยกมาเปนมั่นคง แล้วตรัศถามสมิงนายกองม้าว่า คเนพลประมาณเท่าใด สมิงจคราน สมิงเป่อ สมิงทรายม่วน กราบทูลว่า พลประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหมื่น พระมหาอุปราชาได้ฟังดังนั้น จึงตรัศปฤกษาแก่นายทัพนายกองว่า ทัพพระนครศรีอยุทธยายกมาครานี้ก็เปนทัพใหญ่อยู่แล้ว แต่ทว่า น้อยกว่าเราสองเท่าสามเท่า จำจะยกเข้าทุ่มตีเอาทัพแรกนี้ให้แตกฉานยับเยินแล้ว ภายหลังก็จะเบามือลง เห็นจะได้พระนครศรีอยุทธยาโดยง่าย นายทัพนายกองก็เห็นโดยพระราชบัญชา พระมหาอุปราชากำหนดแก่นายทัพนายกองให้เตรียมพลแต่ในเพลาสามยามให้พร้อม ตีสิบเอ็จทุ่มจะยก เอารุ่งไว้น่า นายทัพนายกองก็จัดแจงขบวนทัพเทียบไว้ตามรับสั่งทุกประการ

 ครั้นเพลาสิบเอ็จทุ่ม พระมหาอุปราชาก็สอดฉลองพระองค์ทรงเกราะสุวรรณประดับพลอยสพักสังวาลมรกฎสามสาย ทรงสุวรรณรัตนมหามงกุฎอย่างขัติยราชรามัญ ยอดเงื้อมไปน่าดุจเศียรวาสุกรี แล้วทรงเครื่องสำหรับกันสรรพาวุธพร้อมเสร็จ เสด็จทรงช้างต้นพลายพัทกอสูงหกศอกคืบห้านิ้วติดน้ำมันน่าหลังเปนพระคชาธารกั้นเสวตรฉัตร