หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๗๑

ก่อพระเจดียฐานสูง ๖ ศอก พอหุงอาหารสุกก็สำเร็จ แล้วยกเข้ามาถึงกรุงพระนครศรีอยุทธยา เข้าเฝ้ากราบทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยประพฤดิเหตุทั้งปวง สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ทราบดังนั้นก็มีความยินดี จึงโปรดให้พระยาจักรี พระยาพระคลัง แลนายทัพนายกองทั้งปวงพ้นโทษ แล้วมีพระราชบริหารกำหนดให้ชุมท้าวพระยามุขมนตรีกระวีราชปโรหิตาจารย์ทุกหมู่ทุกกระทรวง ครั้นถึงวันพระราชกำหนด สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ก็เสด็จออกไปเบิกแขกเมืองทวายจ่ากับขุนนาง ๖ คนเข้ามาเฝ้า แลพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค แล้วตรัศให้พระราชโอวาท โปรดให้ทวายจ่ากับขุนนาง ๖ คนกลับออกไปรักษาเมืองทวาย.

 ลุศักราช ๙๔๓ ปีมเสง ตรีนิศก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัศว่า เมืองตนาว เมืองมฤท เมืองทวาย เมืองเชียงใหม่ นั้นเปนของเราอยู่แล้ว เห็นศึกหงษาวดีจะห่างลง จำจะยกไปแก้แค้นพระยาแลวกให้ได้ น้ำลงแห้งเท้าช้างม้าแล้วจะยกไป.

 ครั้นถึงณวัน ค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ตรัศให้เทียบพลทุ่งหารตราสกรรจ์ลำเครื่องแสนหนึ่ง ช้างเครื่อง ๘๐๐ ม้าพันห้าร้อย ให้พระราชมนูถือพลห้าพันเปนกองน่า ครั้นได้ศุภวารฤกษ์ ก็ยกทัพหลวงเสด็จไปโดยทางสถลมารคล่วงด่านพระจาฤกออกไป.

 ฝ่ายพระยาแลวกแจ้งข่าวว่า ทัพกรุงศรีอยุทธยายกออกมา ก็ให้พระยาแสนท้องฟ้าคุมพลหมื่นหนึ่งไปตั้งอยู่ณเมืองโพธิสัตว ให้พระยาบวรนายกคุมพลหมื่นห้าพันไปตั้งอยู่ณเมืองปัตบอง ขณะเมื่อพระยา