หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๗๗

ศัพทสำเนียงแตรสังข์ฆ้องกลองอึงอล เสด็จกรีธาพลเดินโดยสถลมารคทางด่านพระจาฤก ประทับร้อมแรมไปตามรยะ ก็ถึงตำบลค่ายทำนบ.

 ฝ่ายพระยานครนายก พระยาปราจิณ พระวิเศษเมืองฉเชิงเทรา พระสุระบุรี ผู้รักษาค่ายฉาง เข้ามาเฝ้าทูลข้อราชการแลจำนวนเข้าเสร็จสิ้นทุกประการ จึงดำรัศให้พระสุระบุรีคุมพลพันหนึ่งอยู่รักษาค่ายฉางเข้า แล้วให้แต่งกองออกไปลาดตระเวนฟังราชการให้ถึงทัพหลวง แต่พระยานครนายก พระยาปราจิณ พระวิเศษ กับพล ๙๐๐๐ ให้ยกไปเข้ากระบวนทัพหลวง แลทัพหลวงตั้งตำบลพะเนียดทางร่วมที่จะไปเมืองปัตบองแลเมืองนครเสียมราบ จึงมีพระราชบริหารให้พระราชมนูเปนกองน่า คุมพลสองหมื่นห้าพันยกไปแก้ตัวตีเอาเมืองปัตบองแลเมืองโพธิสัตว พระราชมนูนายทัพนายกองทั้งปวงกราบถวายบังคมลาแล้วก็ยกไปตามพระราชกำหนด รุ่งขึ้นวันหนึ่ง กองทัพหลวงก็เสด็จยกพยุหโยธาทหารไปตาม.

 ฝ่ายพระยาแลวก ขณะเมื่อเดือนสิบเอ็จเดือนสิบสอง แต่งคนให้มาสอดแนมเอาข่าวราชการ ได้เนื้อความว่า กรุงพระนครศรีอยุทธยาน้ำแห้งเท้าช้างเท้าม้าจะยกทัพบกทัพเรือออกมาตีกรุงกัมพูชาธิบดี ก็ให้จัดแจงแต่งการพระนครเปนสามารถ ฝ่ายหัวเมืองรายทางที่ค่ายคูหอรบปรักหักพังนั้นก็ซ่อมแปลงขึ้นมั่นคงทุกเมือง แลเมืองปัตบองนั้นมีพลทหารราบหมื่นหนึ่ง ให้พระยามโนไมตรีเปนแม่ทัพ เมืองโพธิสัตวให้พระยาสวรรคโลกเจ้าเมืองเปนแม่ทัพ พลสองหมื่น แล้วให้พระศรีสุพรรณมาธิราชผู้เปนพระอนุชาถือพลทหารสามหมื่นออกมาตั้งรับอยู่ณเมืองบริบูรณ์ แล้วแต่งคนเร็วม้าใช้ผลัดเปลี่ยนกันสืบข่าวราชการ

๑๒