หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๗๘

ณเมืองโพธิสัตว เมืองปัตบอง มิได้ขาด ทางเรือนั้นแต่งกองทัพเปนสองทัพ ให้พระยาวงษาธิราชคุมเรือกุไล่แง่ทรายร้อยห้าสิบลำ พลรบพลแจวหมื่นหนึ่ง สรรพไปด้วยเครื่องสรรพสาตราวุธปืนใหญ่น้อยกระสุนดินประสิว ลงไปรักษาเมืองป่าสัก ให้พระยาภิมุขวงษาคุมเรือกุไล่แง่ทรายร้อยห้าสิบลำ พลรบพลแจวหมื่นหนึ่ง สรรพไปด้วยเครื่องสรรพสาตราวุธปืนใหญ่น้อยกระสุนดินประสิว ลงไปรักษาเมืองจัตุรมุขปากกสังซึ่งกองทัพเรือข้าศึกจะมาทางพุทไธมาศนั้น ให้พระยาจีนจันตุยกเอาพลเมืองสำโรงทอง เมืองเชิงกระชุม เมืองกะปอด กะพงโสม เปนคน ๕๐๐๐ ไปรักษาปากน้ำเมืองพุทไธมาศ.

 ฝ่ายพระราชมนูข้ามลำน้ำโตนดมาใกล้ตำบลลำพาดชายป่ารนามที่เขมรเคยซุ่มทัพแต่ก่อน ก็จัดพลพร้อมเสร็จเปนทัพฬ่อทัพตี ส่วนพระราชมนูขี่ช้างพลายจู่โจมทัพ มีทหาร ๓๐๐ ถือหอกเดินน่าช้าง ครั้นถึงป่ารนาม ก็มิได้เห็นกองทัพเขมร แล้วยกล่วงเข้าไป.

 ฝ่ายพระยามโนไมตรีซึ่งรักษาเมืองปัตบองแจ้งว่า กองทัพไทยยกมา จึงปฤกษาแก่นายทัพนายกองทั้งปวงว่า พระนเรศวรเปนเจ้าเสด็จยกมาครั้งก่อนนั้นเปนทัพรุดรี้พลก็น้อย ประการหนึ่ง เข้าต้นในท้องนาเราก็เสีย ข้าศึกหาได้เปนกำลังไม่ จึงเลิกทัพถอยกลับไป ครั้งนี้ เห็นเปนเทือกเถาใหญ่หลวงนัก รี้พลช้างม้าก็มาก แล้วก็ตั้งยุ้งฉางถ่ายลำเลียงรายทางออกมา ซึ่งเราจะรับปะทะน่าศึกเหมือนครั้งก่อนนั้นเห็นไม่ได้ จะรักษาแต่เมืองให้มั่นไว้ดูกำลังข้าศึกก่อน ถ้าเห็นหนักเหลือกำลัง จึงจะบอกขอกองทัพมาช่วย นายทัพนายกองทั้งนั้นก็เห็นด้วยพระยามโนไมตรี จึงให้ตรวจน่าที่เชิงเทิน ตระเตรียมเครื่องสาตราวุธ ซ่อม