หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๘๐

ให้การกราบทูลว่า พระยาแลวกให้พระศรีสุพรรณมาธิราชผู้เปนพระราชอนุชาถือพล ๓๐๐๐๐ ตั้งรับอยู่ณเมืองบริบูรณตำบลหนึ่ง ให้พระยาสวรรคโลกเจ้าเมืองโพธิสัตวถือพล ๒๐๐๐๐ ตั้งรับอยู่เมืองโพธิสัตวตำบลหนึ่ง ฝ่ายกองทัพไปตั้งรับอยู่ทางเรือนั้น ให้การกราบทูลเสร็จสิ้นทุกประการ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงตรัศถามว่า ถ้าแลเมืองโพธิสัตวแลเมืองบริบูรณสองตำบลนี้แตกแล้ว เห็นกรุงกัมพูชาธิบดีจะเสียฤๅไม่ พระยามโนไมตรีให้การกราบทูลว่า ซึ่งเมืองจะเสียมิเสียนั้น จะกราบทูลเกรงจะเปนเท็จ สุดแต่พระราชดำริห์การเปนต้น แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า ซึ่งกองทัพรับอยู่สองตำบลนี้อุปมาเหมือนน่าสำเภา กรุงกัมพูชาธิบดีเปนท้ายสำเภา ถ้าน่าสำเภาต้องคลื่นแลพยุใหญ่แตกหักชำรุดรั่วอับปางลงแล้ว แลท้ายสำเภาจะรักษาไว้นั้นเปนอันยากนัก พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ได้ทรงฟังดังนั้นแย้มพระโอฐแล้วตรัศว่า พระยาเขมรคนนี้พูดจาหลักแหลม ให้เอาไว้ใช้ ตรัศเท่าดังนั้นแล้วก็สั่งพระยานครนายกให้คุมพล ๓๐๐๐ อยู่รักษาเมืองปัตบอง เกลี้ยกล่อมเขมรให้เกี่ยวเข้าเก็บเข้าในท้องนาใส่ยุ้งฉางไว้ให้ได้จงมาก.

 ขณะเมื่อเมืองปัตบองแตกนั้น พอคนเร็วม้าใช้เขมรเมืองโพธิสัตวออกมาฟังราชการมาถึงบ้านละลวด พอพบตละพาดพระยาพระเขมรนายหมวดนายกองแลไพร่กองทัพเมืองปัตบองแตกเข้ามา ก็พากันกลับไปเมืองโพธิสัตวแจ้งแก่พระยาสวรรคโลกทุกประการ พระยาสวรรคโลกแจ้งดังนั้น ก็บอกหนังสือส่งตัวพระยาพระเขมรทั้งปวงเข้าไปยังกรุงกัมพูชาธิบดี แล้วจึงปฤกษานายทัพนายกองว่า พระยามโนไมตรีมิได้แต่งกองทัพออกรับที่กล้าแลกองซุ่มกองโจรดูกำลังก่อน ละให้