หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๘๓

 ฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าเสด็จยกพยุหบาตราทัพร้อนแรมตามทางมาสามคืนก็ถึงชายป่าทุ่งนาเมืองบริบูรณ กองน่าพบเขมรกองตระเวนเข้า ได้รบยิงกัน เขมรแตกวิ่งเข้าเมือง พระศรีสุพรรณมาธิราชแจ้งดังนั้นก็ตรัศว่า ศึกไทยได้ทียกเข้ามา ครั้นจะแต่งกองทัพออกรับ เกลือกรับมิอยู่ ทหารก็จะเสียใจ ประการหนึ่ง ศึกก็ยังมั่นประชุมกันอยู่ ต่อเมื่อใดแผ่บางออกแล้ว เราจึงจะยกออกตีทีเดียว ให้แต่ตรวจตรารักษาน่าที่เชิงเทินไว้ให้มั่นคง อย่าให้ข้าศึกเข้าแหกหักออกได้ ตรัศเท่าดังนั้นแล้วก็มิได้แต่งทหารออกรบ.

 ฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าเห็นทัพเขมรมิได้ยกออกมารบ พระองค์ก็มิได้ยั้งทัพ จึงมีพระราชบริหารกำหนดให้นายทัพนายกองเข้าล้อมเมืองรบหักเอาให้ได้ในเพลานี้ ฝ่ายนายทัพนายกองทั้งปวงก็แบ่งปันกันเปนน่าด้านยกล้อมโอบรบเข้าไป ฝ่ายเขมรก็รบยิงธนูน่าไม้ปืนไฟออกมาเปนสามารถ กองทัพไทยก็มิได้ถอย ขุดมูลดินเปนสนามเพลาะบังตัวรุกเข้าไป พอเพลาพลบค่ำ ก็ประจบกันที่ชิด ก็เข้าถอนขวากหนามปีนค่ายเย่อค่ายจนถึงได้ฟันแทงกัน.

 ฝ่ายพระศรีสุพรรณมาธิราชเห็นศึกหนักเหลือกำลังจะรับมิอยู่ ขึ้นช้างพระที่นั่งได้ทหารหมื่นหนึ่งก็แหกเมืองออกไป ทัพไทยก็เข้าเมืองได้ ไล่ฟันแทงเขมรเจ็บป่วยล้มตาย กองทัพเขมรก็หนีรบาดกันออกทุกน่าที่ กองทัพไทยจับได้พระยาเสนาธิบดีเจ้าเมืองบริบูรณ พระหลวงขุนหมื่นไพร่เขมร ปืนใหญ่น้อย เครื่องสาตราวุธ เปนอันมาก ได้ช้างพลายพังใหญ่น้อย ๗๕ ช้าง ม้า ๒๐๐ เศษ.