หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๘๔

 ฝ่ายพระศรีสุพรรณมาธิราชแหกออกจากค่ายได้ มิได้ยั้งพล รีบเดินในเพลากลางคืนถึงตำบลบ้านพังรอ พบทัพพระยาราชนเรศซึ่งพระยาแลวกให้ออกมาช่วย ก็พากันถอยเข้าเมืองขึ้นเฝ้าแจ้งราชการแก่พระยาแลวกทุกประการ พระยาแลวกได้ทรงฟังดังนั้นก็ทรงพระโกรธ ตรัศคาดโทษพระศรีสุพรรณมาธิราชแลนายทัพนายกอง แล้วจึงให้ตรวจตราป้อมค่าย เกณฑ์ผู้รักษาน่าที่เชิงเทินหอรบชั้นนอก ซ่อมแซมขวากหนาม เอาปืนใหญ่ขึ้นใส่ป้อม แลประตูเมืองน่าที่นั้นห่างสิบวาไว้ปืนหลักแก้วบอกหนึ่ง ถัดเชิงเทินเข้ามาไว้กองหนุนกองละสามร้อยห่างกันสามเส้น เชิงเทินชั้นกลางนั้นไว้กองขันสี่กอง ๆ ละสามพัน ให้พระศรีสุพรรณมาธิราชผู้เปนอนุชาอยู่ด้านเหนือ พระราชบุตรอยู่ด้านใต้ เจ้าฟ้าทะละหะอยู่ด้านตวันออก พระยาราชนเรศอยู่ด้านตวันตก เชิงเทินชั้นในไว้กองใหญ่สี่กอง ๆ ละห้าพันในขบวนทัพหลวง แล้วแต่งหนังสือให้พระยามนตรีเสน่หาถือไปเมืองญวนขอกองทัพมาช่วย.

 ครั้นเพลาอุสาโยค พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์เสด็จออกพร้อมด้วยหมู่มุขอำมาตยราชปโรหิตนายทัพนายกองกราบถวายบังคมเฝ้าบาทยุคลเกลื่อนกลาด พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงสั่งให้คุมเอาตัวพระยาเสนาธิบดีเจ้าเมืองบริบูรณ พระหลวงขุนหมื่นนายทัพนายกองเขมร เข้ามาน่าพระที่นั่ง ให้ถามข้อราชการในเมืองแลวก แลพระยาเสนาธิบดีพระหลวงขุนหมื่นนายทัพนายกองทั้งปวงก็ให้การกราบทูลเสร็จสิ้นทุกประการ จึงมีพระราชโองการให้พระวิเศษเมืองฉเชิงเทราเปนพระยาวิเศษ ให้เปนนายกองทัพคุมพลสามพันตั้งอยู่ณเมืองบริบูรณ ปลูกยุ้งฉางรวบรวมเสบียงอาหารไว้เสร็จ