หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๘๘

การพร้อมพอจะหักเอาเมืองได้ จึงให้โหรหาฤกษ์ ได้ฤกษ์วัน ค่ำ ปีวอก ฉศก เพลา ๑๐ ทุ่ม ๕ บาท จึงดำรัศพระราชกำหนดให้พระราชมนูขี่ช้างพลายจู่โจมทัพ คุมทหาร ๓๐๐๐ เข้าโดยถนนประตูด้านตวันตก ให้พระยาสีหราชเดโชขี่ช้างพลายจับโจมยุทธ คุมทหาร ๓๐๐๐ เข้าโดยถนนประตูด้านใต้ แลให้พระยาท้ายน้ำขี่ช้างพลายมารประไลย คุมทหาร ๓๐๐๐ เข้าโดยถนนประตูด้านตวันออก ให้พระยามหาโยธาขี่ช้างพลายไฟภัทกัลป คุมทหาร ๓๐๐๐ เข้าโดยถนนประตูด้านเหนือ ช้างนั้นให้ใส่น่าร่าหุ์เกือกเหล็ก ทหารหมื่นสองพันให้ใส่เกือกเสื้อหนังหมวกหนัง ฝ่ายค่ายประชิทั้งปวงนั้นให้รดมจุดปืนใหญ่เข้าไปตามประตูแลกวาดเชิงเทินแต่ตี ๓ ยามไปกว่าจะถึงฤกษ์ อย่าให้พลเขมรยกมาช่วยกันถนัดได้ แต่ทว่า เปนเพลากลางคืน เห็นจะไม่พร้อม ให้คอยดูดวงพลุแลฟังเสียงฆ้องกลองแตรสังข์เปนสำคัญฤกษ์ แล้วก็ให้ยกทหารเข้าหักเอาเมืองให้ได้จงทุกด้าน ถ้าผู้ใดมิเข้าได้ จะตัดศีศะเสียบเสีย นายทัพนายกองทั้งปวงแจ้งพระราชกำหนด กราบถวายบังคม แล้วก็ไปเตรียมการตามรับสั่ง ครั้นเพลาสามยาม เจ้าน่าที่ทั้งปวงก็รดมปืนเข้าไปในเมือง ต้องพลเขมรป่วยเจ็บล้มตายเปนอันมาก ฝ่ายสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ก็ทรงเครื่องสำหรับขัติยราชรณยุทธ สมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าทรงช้างต้นเจ้าพระยาไชยานุภาพเปนพระคชาธาร สมเด็จเอกาทศรฐทรงช้างต้นเจ้าพระยาปราบไตรจักรเปนพระคชาธาร พร้อมด้วยโยธาข้าทหารเสร็จ เสด็จมายืนช้างพระที่นั่งตรงประตูอุดรทิศน่าที่พระยามหาโยธา ได้เพ็ชรฤกษ์ จึงให้ประโคมฆ้องกลองแตรสังข์จุดเพลิงพลุขึ้นเปนสำคัญ พลทหาร